คำแนะนำการหางาน | 20 June 2023

บริษัท 7 แบบที่คุณควรหลีกเลี่ยง

หากคุณกำลังจะตกงานแล้วยังหางานไม่ได้ หรือถ้าคุณทำงานอยู่แล้วเริ่มรู้สึกเบื่องาน อยากหางานใหม่ คุณควรจะต้องตัดสินใจเลือกบริษัทที่กำลังจะทำงานด้วยให้ดี เพราะว่าการหางานไม่ได้มีเพียงปัจจัยในเรื่องของเงินและหน้าที่การงานเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องที่ต้องคิดเกี่ยวกับตัว "บริษัท" ที่เราจำต้องไปร่วมงานอีกด้วย ซึ่งก่อนที่จะยื่นสมัครหรือตอบตกลงทำงานกับบริษัทใด ก็ควรที่จะศึกษาบริษัทหรือองค์กรนั้น ๆ ก่อน วันนี้ WorkVenture ขอพูดถึงมีบริษัท 7 แบบที่คุณควรหลีกเลี่ยงการร่วมงาน

 

1. บริษัทที่คนลาออกบ่อย

สังเกตอย่างไร  :  มีการลงประกาศรับสมัครงานตำแหน่งสำคัญๆ ตามเว็บไซต์บ่อยๆ หรือบริษัทที่คุณเข้าไปทำงานอาทิตย์แรกมีแต่คนพูดว่าจะลาออก ทั้งพูดเล่นพูดจริง

มันแย่แค่ไหน : ปกติแล้วบริษัทที่ดีไม่ควรมีการเปิดรับสมัครตำแหน่งผู้จัดการ หรือผู้บริหารระดับสูงในทุกๆ 6 เดือน ถ้าคุณเห็นบริษัทใดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว แสดงว่าบริษัทนั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ 3 สาเหตุคือ

  • ผู้บริหารไม่มีความเป็นผู้นำที่ดี

  • มีวัฒนธรรมองค์กรภายในที่ไม่สามารถดึงดูดคนดีๆ ไว้ได้

  • หรือเป็นไปได้ว่าผู้บริหารระดับสูงมีเป้าหมายสั้นพอๆ กับระยะเวลาที่พนักงานอยู่ในบริษัท

ทำอย่างไร : บริษัทที่มีแต่คนลาออกมักไม่ทำตามข้อตกลงที่เคยบอกคุณไว้ เพราะฉะนั้นหากเขาสัญญาว่าจะโปรโมตคุณในระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้

 


 

2. บริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรขัดแย้งกันเอง

สังเกตเห็นได้อย่างไร  :  มีคนวงในหรือเพื่อนของเพื่อนคุณที่ทำงานในนั้นบ่นให้ฟังถึงบรรยากาศการทำงาน หรือมีคนรีวิวการทำงานตามบอร์ดสาธารณะอยู่เรื่อย ๆ 

มันแย่แค่ไหน : บริษัทแบบนี้อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้คุณไม่เลือกส่งใบสมัครมาตั้งแต่แรก แต่รับรองได้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงานของคุณในระยะยาวแน่ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการทำงานของคุณ ไปจนถึงด้านการเงินของบริษัท

ทำอย่างไร : เลี่ยงได้ก็เลี่ยง พยายามอย่าตกลงปลงใจทำสัญญากับบริษัทแบบนี้เพราะคุณอาจมีปัญหาในระยะยาวแน่

 


3. บริษัทที่ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง

สังเกตเห็นได้อย่างไร : ภาพบรรยากาศการทำงานสุดคูล ออฟฟิศสุดเลิศ และแคมเปญโฆษณาที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่พอเข้าไปทำงานจริงกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน มีแค่ออฟฟิศของเจ้านายเท่านั้นที่สามารถเรียกว่าออฟฟิศได้ ส่วนตรงอื่นอย่าเรียกว่าออฟฟิศเลย นอกจากไฟฟ้าที่ไม่สว่าง และคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมุมพักเบรคของพนักงาน ฝันไปซะเถอะ

มันแย่แค่ไหน : ก็เหมือนคุณเข้าเว็บจองโรงแรมที่คุณไม่ได้มีโอกาสเห็นจริงๆ ก่อน ในรูปดูสวยมาก แต่พอเข้าพักจริงๆ แล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ที่น่ากังวลกว่าคือโรงแรมคุณอยู่แค่  2-3 คืน แต่บริษัทแบบนั้นคุณจะต้องอยู่กับมันอย่างน้อย 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี คิดดูว่าจะแย่แค่ไหน

ทำอย่างไร : หาอ่านรีวิวบริษัทให้ดีก่อนตัดสินใจเข้าทำงานในที่ใดที่หนึ่ง แต่ทางที่ดีคุณควรหาคนรู้จักที่ทำงานดูในนั้นแล้วถามซะ ของแบบนี้ต้อง Dig Deep

 


4. บริษัทเน้นคุยงานไม่เน้นทำงาน

สังเกตเห็นได้อย่างไร : วันๆ ผู้บริหารเอาแต่ประชุมๆ ไม่กระจายงาน ไม่ตัดสินใจอะไรสักอย่าง

มันแย่แค่ไหน : ลองคิดถึงว่าคุณต้องทำงานในบริษัทที่มีผู้บริหารระดับสูง 3 คนนั่งประชุมระดมความคิดกันเองอยู่ในห้องทั้งวัน แต่พอจบวันพวกเขากลับลงเอยแยกย้ายกันกลับบ้าน และคุณก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร หรือแย่กว่านั้นคือพวกเขากลับมาทวงงานคุณทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ให้คุณทำอะไรทั้งวัน

ทำอย่างไร : ลองถามตัวคุณเองด้วยคำถามเหล่านี้ เช่น มีเฉพาะคนในเท่านั้นใช่มั้ยที่จะได้โปรโมท หรือบริษัทกำลังหาคนนอกเข้าไปทำงานตำแหน่งใหญ่หรือเปล่า หรือ เอ๊ะ ทำไมมีผู้บริหารระดับ Vice Pressident เป็น 10 ทั้งๆ ที่ บริษัทมีพนักงงานทั้งหมดแค่ 100 คน ถ้าคุณเกิดคำถามขณะดูรายละเอียดบริษัท นั่นแหละคือสัญญาณที่บอกว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทที่เน้นคุยงาน ไม่เน้นทำงาน ซึ่งถ้าคุณเลือกได้ก็อย่าเข้าไปทำงานกับบริษัทแบบนี้เลย

 


 

5. บริษัทที่เล่นไม่ซื่อกับคุณ

สังเกตเห็นได้อย่างไร : บริษัทที่คุณทำงานอยู่ไม่มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน หรือไม่มีการเขียนอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของคุณที่ชัดเจน ไปจนถึงเป้าหมายระยะยาวของบริษัท หรือคุณอาจจะเห็นนายคุณเองที่เอาแต่สัญญาว่าจะโปรโมทคุณวันนั้นวันนี้ ระวังไว้ให้ดี​

มันแย่แค่ไหน : ในโลกปัจจุบันที่ทุกคนถามหาความโปร่งใสเชื่อถือได้จากทุกองค์กร บริษัทต่างๆจึงพยายามนำเสนอความโปร่งใสโดยการนำเสนอให้เห็นวัฒนธรรมองค์กร เช่น การเปิดเผยสวัสดิการ หรือโบนัสต่างๆ จนกลายมาเป็นเหมือนคำมั่นสัญญาที่บริษัทพยายามสร้างมาแข่งกัน ลองคิดดูว่าถ้า HR มาบอกว่าจะโปรโมทคุณปลายปีนี้ แต่พอปลายปีกลับทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือบอสคุณบอกจะขึ้นเงินเดือนให้ปลายปี แต่พอถึงปลายปีกลับบอกว่าไว้กลางปีหน้า นั่นแหละคือที่มาของบริษัทที่เล่นไม่ซื่อกับคุณ

ทำอย่างไร : วางแผนหางานใหม่และเตรียมตัวลาออกเลย เพราะมันไม่มีเหตุผลที่คุณจะอยู่ทำงานกับบริษัทที่เอาแต่สัญญาและเล่นไม่ซื่อกับคุณ อยู่ไปชีวิตคุณคงย่ำอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
 

6. บริษัทบอนไซ

สังเกตเห็นได้อย่างไร : คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลยจากงานที่ทำอยู่ทุกวัน ไม่มีการประเมินผลการทำงาน หรือคุณอาจจะโดนสั่งให้ทำงานนอกเหนือความรับผิดชอบตลอดเวลา 

มันแย่แค่ไหน : คุณอาจจะคิดว่าเงินเดือนโอเค หน้าที่ที่คุณได้รับมอบหมายก็ไม่แย่ แต่พอคิดๆ ดูอีกที ยิ่งทำงานนี้ไปเรื่อยๆ คุณกลับไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลย หนำซ้ำยังรู้สึกภูมิปัญญาลดน้อยถอยลง จะขอไปเรียนต่อเหรอ ฝันไปเถอะ บริษัทบอนไซเหมาะมากกับคนที่ไม่อยากเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว พอแล้วกับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีเป้าหมายในอนาคต ไม่อยากโตไปมากกว่านี้ แต่ WorkVenture ว่าไม่มีใครอยากทำงานกับบริษัทแบบนี้แน่ 

ทำอย่างไร : ทำงานที่บริษัทบอนไซหมายถึงสัญญาณที่คุณจะต้องลาออกมาเข้าสู่วัฏจักร หางาน สมัครงาน ใน 12 เดือน 18 เดือนแน่นอน เพราะบอนไซคือต้นไม้ที่ถูกตัดและเลี้ยงไว้ไม่ให้โตไปมากกว่านี้ หรือพูดอีกอย่างคือ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

 


7. บริษัทที่ไม่มีอนาคต ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร

สังเกตเห็นได้อย่างไร : บริษัทคุณไม่มีแผนอะไรเลย ไม่ว่าระยะสั้น ระยะยาว ระยะไหนๆ ไม่ว่าคุณจะไปถามใครในบริษัทก็ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งหัวหน้าคุณเอง

มันแย่แค่ไหน : บริษัทที่เปรียบเสมือนไททานิค ที่ล่องไปในมหาสมุทรกว้างใหญ่ดูแล้วไม่มีอนาคตแบบนี้ ก็เหมือนบริษัทที่พร้อมจะจมลงได้ทุกเมื่อ คุณอาจจะไม่รู้สึกอะไรเมื่อเข้าไปเริ่มงานแรกๆ อาจจะมองว่ามันเป็นความท้าทาย เป็นความเปลี่ยนแปลงในบริษัทที่เกิดขึ้น เหมือนชีวิตต้องหมุนเร็วตลอดเวลา แต่เมื่อทำงานไปแล้วคุณอาจจะพบว่า ทุกอย่างมันเละ ทุกอย่างถูกคิดและทำแบบวันต่อวัน ไม่มีการวางแผนไว้ก่อน ระวังตัวไว้ บางทีอาจจะมีสัญญาณเช่น “เดือนนี้ผมขอยังไม่จ่ายเงินเดือนนะ” ตามมาก็เป็นได้

ทำอย่างไร : ไม่ว่าภาพลักษณ์ของบริษัทจะดูดีแค่ไหน ตามที่คุณเห็นในสื่อต่างๆ แต่ถ้าบริษัทไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ทำไปทำไม แสดงว่าบริษัทคุณไม่มีแผนกลยุทธ์ สิ่งที่คุณทำได้คือช่วยบริษัทคุณวางแผนหรือลาออกไปทำงานที่อื่นซะดีกว่า
 


 
 
ใครที่รู้สึกว่ากำลังทำงานอยู่ในบริษัทแบบนี้ ลองคิดทบทวน หางานใหม่สำรองที่ WorkVenture ก่อนจะรู้สึกหมดไฟในการทำงานซึ่งภาวะหมดไฟนั้นจะส่งผลหลายอย่างต่อชีวิตการทำงานของคุณ