ข่าวสารใหม่ๆ | 4 July 2025

อยากให้บริษัทคุณติด Top50 Companies in Thailand? ฟังทางนี้! สรุป ‘สูตรสำเร็จ’ จากผู้นำองค์กรแถวหน้า

รางวัล “Top 50 Companies in Thailand” โดย WorkVenture กลายเป็นเหมือนไฮไลต์ประจำปีที่หลายคนรอคอย ไม่ใช่แค่เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จขององค์กรชั้นนำ แต่ยังทำหน้าที่เสมือนกระจกสะท้อนอนาคตของโลกการทำงานในประเทศไทย  Top 50 Companies in Thailand คือการสำรวจรวมความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ในช่วงอายุ 22-35 ปี ทั้งจากทางออนไลน์และออฟไลน์ จำนวนมากกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านคำถามปลายเปิดที่ให้อิสระทางความคิดอย่างแท้จริง โดยไม่ผ่านการชี้นำใด ๆ ว่า ‘บริษัทที่คุณอยากร่วมงานด้วยที่สุดคือใครและเพราะอะไร

และในปี 2025 นี้ ถือเป็นโอกาสพิเศษอย่างยิ่งที่ WorkVenture ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้นำและผู้บริหารจากองค์กรในฝันเหล่านี้เกือบทั้งหมด ผ่านซีรีส์บทสัมภาษณ์ของ WorkVenture ซึ่งเป็นการแบ่งปันการดูแลพนักงานขององค์กร ไม่ใช่แค่การที่องค์กรเหล่านี้เป็นชื่อคุ้นหูของทุกคน แต่คือการมองอย่างลึกซึ้งถึง วิธีการดูแลพนักงานและการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่สามารถดึงดูดและรักษาคนรุ่นใหม่เอาไว้ได้อย่างยั่งยืน

เราจึงได้รวบรวมบทเรียนสำคัญเหล่านี้ไว้ เพื่อเป็นมากกว่าแรงบันดาลใจสำหรับวงการ HR แต่ยังมุ่งหวังให้เป็น ‘กรณีศึกษาที่จับต้องได้’ สำหรับองค์กรอื่น ๆ โดยเฉพาะองค์กรขนาดเล็ก ที่สามารถนำแนวคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับองค์กรของตนเองต่อไป


ถอดรหัส สิ่งที่มีร่วมกันขององค์กร Top 50: เบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่ได้มีแค่ "สวัสดิการ"

เมื่อเจาะลึกบทสัมภาษณ์และแนวคิดการดูแลพนักงานเบื้องหลังของเหล่าองค์กรชั้นนำที่สามารถพิชิตใจคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จ เราจะค้นพบว่าความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นจากกลยุทธ์ที่แยกส่วนกัน แต่มาจากสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรอย่างน่าทึ่ง แม้แต่ละบริษัทจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป แต่แกนกลางของความสำเร็จนั้นกลับมีรากฐานมาจากหลักการที่ไม่ต่างกันเลย

นี่คือ 5 สิ่งที่สำคัญที่ทุกองค์กรชั้นนำมีร่วมกัน พร้อมกรณีศึกษาจาก 10 บริษัทที่จะทำให้คุณเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

1. หลักการ "คนต้องมาก่อน" (People-First Principle)

นี่คือจุดร่วมที่แข็งแกร่งและชัดเจนที่สุด ทุกองค์กรไม่ได้มองพนักงานเป็นเพียง "ทรัพยากร" แต่มองเป็น "หัวใจและสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด" ของบริษัท หลักการนี้ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่สะท้อนผ่านการกระทำที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม

  • SCBX : องค์กร AI-First ที่ยึดคนเป็นศูนย์กลาง

แม้จะมุ่งสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ แต่ คุณภัทรพร ศิโรดม, Chief Talent Officer ย้ำเสมอว่า “People-First คือหัวใจของความสำเร็จ” ที่ SCBX การพัฒนาเทคโนโลยีและ AI จะต้องเดินควบคู่ไปกับการพัฒนาและดูแลคนอย่างรอบด้าน พวกเขาเชื่อว่าต่อให้เทคโนโลยีล้ำหน้าเพียงใด แต่นวัตกรรมที่แท้จริงเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ องค์กรจึงสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และสร้างวัฒนธรรมที่ยืดหยุ่น เพื่อให้แน่ใจว่าบุคลากรของพวกเขามีความสุขและพร้อมที่จะเติบโตไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

  • ปตท. : องค์กรพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของ "คน"

ในฐานะองค์กรพลังงานแห่งชาติ ปตท. มองว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุดคือการลงทุนในบุคลากร คุณอดิศร สามะถิมานันท์, EVP Corporate Human Resources กล่าวว่า “เราลงทุนกับพนักงานเหมือนการลงทุนเพื่ออนาคต” ปตท. เป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่นำหลักการ EVP (Employee Value Proposition) มาใช้เพื่อออกแบบสวัสดิการและการดูแลพนักงานที่ตรงจุดและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ทำให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดและมีพื้นที่ให้สร้างความก้าวหน้าอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสในการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง


2. การสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" และวัฒนธรรมแห่งการ "รับฟัง" (Psychological Safety & Listening Culture)

องค์กรเหล่านี้เข้าใจดีว่านวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น พวกเขาจึงทุ่มเทให้กับการสร้างวัฒนธรรมที่ทุกเสียงมีความหมายและได้รับการยอมรับ

  • AP Thailand: เพราะการฟังเสียงพนักงานคือหัวใจ

AP Thailand พิสูจน์ให้เห็นว่าการดูแลพนักงานที่แท้จริงไม่ใช่แค่การจัดกิจกรรม แต่คือ "การเปิดใจฟังอย่างเข้าใจ" โครงการอย่าง "AP ฮีลใจ" หรือการออกแบบโปรแกรมการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) ล้วนเกิดจากการรับฟังและเอาใจใส่ความต้องการของพนักงานอย่างตรงจุด การสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยและให้ความสำคัญกับเสียงของทุกคนเช่นนี้ ช่วยสร้างความไว้วางใจที่แข็งแกร่ง ทำให้พนักงานรู้สึกมั่นคงและอยากที่จะเติบโตไปพร้อมกับองค์กรในระยะยาว

  • LINE: องค์กรที่เชื่อว่าคนทำงานคือพลังขับเคลื่อนความสำเร็จ


คุณกานต์ กิมสวัสดิ์, HR Director แห่ง LINE เชื่อมั่นว่าหัวใจที่ทำให้ LINE ติดอันดับ Top 50 มาอย่างต่อเนื่องคือ “เรารับฟังเสียงพนักงานอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาองค์กรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง” ที่ LINE การรับฟังไม่ใช่แค่กิจกรรมที่ทำปีละครั้ง แต่เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้องค์กรสามารถปรับตัวและพัฒนานโยบายการดูแลพนักงานได้อย่างเท่าทันโลก เมื่อพนักงานรู้สึกว่าเสียงของพวกเขามีความหมายและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้จริง พวกเขาก็จะรู้สึกมั่นคงและมั่นใจที่จะทุ่มเทเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กร


3. การมอบ "โอกาส" และเส้นทางการเติบโต (Growth & Opportunity)

ไม่มีใครอยากทำงานในองค์กรที่มองไม่เห็นอนาคต องค์กรชั้นนำเหล่านี้จึงไม่ได้แค่จ้างคนมาทำงาน แต่พวกเขาสร้าง "เวที" ให้พนักงานได้เติบโตและปลดปล่อยศักยภาพอย่างเต็มที่

  • Suntory PepsiCo Thailand: เปิดโอกาสแสดงศักยภาพสู่การทำงานระดับโลก

ที่นี่มุ่งเน้นการสร้าง "สนามเด็กเล่นของคนเก่ง" ที่มีเป้าหมายชัดเจน คุณโยธยุทธ สามะถิมานนท์, Chief People & Cultureกล่าวว่า “พนักงานทุกคนมีโอกาสพัฒนาและแสดงศักยภาพเต็มที่” องค์กรให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาวะผู้นำและสร้างโอกาสการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อเตรียมความพร้อมให้พนักงานสามารถเติบโตได้ทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนการคิดอย่างสร้างสรรค์และการพูดคุยอย่างเปิดกว้าง ทำให้ที่นี่เป็นที่หมายปองของคนเก่งที่มีความทะเยอทะยาน

  • Bitkub: Community แห่งการเรียนรู้และพื้นที่สร้างอนาคต


Bitkub ไม่ได้ขายแค่ตำแหน่งงาน แต่ขาย "ตั๋วสู่การสร้างอนาคต" คุณสกลกรย์ สระกวี, Founder & President กล่าวว่า “เราคือชุมชนแห่งโอกาส ที่เปิดกว้างให้พนักงานทุกคนได้ปล่อยศักยภาพ” ที่นี่คือพื้นที่ที่ให้พนักงานได้เรียนรู้และพัฒนาความสามารถไปพร้อมกับเทรนด์ระดับโลก พวกเขาไม่ได้แค่มาทำงาน แต่ทุกคนคือส่วนสำคัญของการนำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตดิจิทัล การมอบเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และโอกาสในการสร้างผลกระทบระดับประเทศ คือสิ่งที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มองหาความหมายในการทำงาน วิสัยทัศน์นี้ ทำให้เห็นว่า Bitkub มองหาคนที่มี Passion ที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อประเทศ ซึ่งนี่คือสิ่งที่กลายเป็น "ความภาคภูมิใจ" ร่วมกันของทั้งองค์กรและพนักงาน และ WorkVenture เชื่อว่าความรู้สึกภาคภูมิใจในการได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจระดับชาตินี้เอง คือสิ่งที่ทำให้ Bitkub แตกต่างและเป็นที่ต้องการของ Talent ยุคใหม่


4. การให้อิสระและความยืดหยุ่น (Empowerment & Flexibility)

องค์กรเหล่านี้เชื่อมั่นในศักยภาพของพนักงาน จึงกล้าที่จะมอบ "อำนาจ" และ "อิสระ" ในการออกแบบการทำงานให้สมดุลกับชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นการซื้อใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างมหาศาล

  • โอสถสภา: 134 ปีแห่งความยั่งยืนสู่การครองใจ Gen Z


องค์กรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างโอสถสภาทลายภาพจำเดิมๆ ด้วยการให้อำนาจพนักงานสามารถ "ออกแบบสมดุลชีวิตได้ด้วยตนเอง" ผ่านสวัสดิการที่เลือกได้ (Flexible Benefits) ซึ่งทำให้พนักงานสามารถจัดสรรงบไปใช้กับสิ่งที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้จริง ควบคู่ไปกับการทำงานแบบ Hybrid ที่ให้อิสระในการบริหารจัดการเวลา การมอบความไว้วางใจเช่นนี้ทำให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและผูกพันกับองค์กรอย่างแท้จริง

  • Thaioil: บ้านหลังใหญ่ที่ดูแลพนักงานตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย

นอกจากการดูแลพนักงานดุจคนในครอบครัวภายใต้คอนเซปต์ "Hire to Retire" แล้ว Thaioil ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการมอบความยืดหยุ่นในการทำงาน ทำให้พนักงานสามารถเติบโตในสายอาชีพได้อย่างมั่นคงพร้อมกับรักษาสมดุลชีวิตที่ดีได้ การดูแลอย่างครบวงจรและให้อิสระในการเติบโตนี้เองที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของพวกเขามีความหมายและมีคุณค่า


5. การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าผลกำไร (Purpose-Driven Mission)

สุดท้าย ทุกองค์กรล้วนมีเป้าหมายที่เชื่อมโยงพนักงานเข้ากับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าหน้าที่ประจำวัน ทำให้พวกเขารู้สึกว่างานที่ทำมีความหมายและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

  • IKEA: มากกว่าร้านเฟอร์นิเจอร์ คือบ้านหลังที่สองของพนักงาน


วิสัยทัศน์ของ IKEA ไม่ได้หยุดอยู่แค่การขายเฟอร์นิเจอร์ แต่คือการ “สร้างชีวิตประจำวันที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้คน” ซึ่ง คุณ Tobias Foreman, HR Manager ย้ำว่ามันต้อง "เริ่มต้นจากพนักงานของเราเอง” ด้วยการทำความเข้าใจความต้องการของคนทำงานอย่างลึกซึ้งและสร้างบรรยากาศที่ดี IKEA เชื่อว่าความสุขของพนักงานจะสะท้อนไปถึงลูกค้าโดยตรง การทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน คือสิ่งที่ทำให้การทำงานที่นี่มีความหมาย

  • THE STANDARD: องค์กรสื่อที่เปิดโอกาสให้ทุกเสียงมีคุณค่า

ที่ THE STANDARD พนักงานไม่ได้เป็นแค่ผู้ผลิตคอนเทนต์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสื่อเพื่อสังคม คุณพิมณารา มีฤทธิ์, General Manager เผยว่า ที่นี่คือ "Learning Organization ที่เคารพทุกความคิด" โดยไม่แบ่งแยกเจเนอเรชัน เพื่อขับเคลื่อนการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ภายใต้เป้าหมายหลักในการเป็นองค์กรสื่อที่ ‘STAND UP FOR THE PEOPLE’ การเชื่อมโยงงานประจำวันเข้ากับเป้าหมายทางสังคมที่ชัดเจน ทำให้พนักงานรู้สึกว่างานของพวกเขามีคุณค่าและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง


องค์กรเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการ HR เท่านั้น แต่ยังสามารถเป็น case study ที่องค์กรขนาดเล็กหรือองค์กรอื่น ๆ นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง เพราะการติดอันดับ Top 50 ไม่ได้วัดจากขนาดขององค์กร แต่สะท้อนถึง “ตัวตน” ที่องค์กรสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ จนเข้าไปนั่งอยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ นี่คือโอกาสในการเรียนรู้จากของจริง  ตัวอย่างขององค์กรที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด ที่พร้อมแบ่งปันแนวคิด วิธีคิด และวิธีการทำงานในแบบที่จับต้องได้

ขอเป็นกำลังใจให้องค์กรของคุณ ค่อย ๆ สร้างวัฒนธรรมที่ใช่ จนวันหนึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในคำตอบของคนรุ่นใหม่เช่นกัน

และนี่คือสิ่งที่ทำให้ WorkVenture แตกต่าง ไม่มีที่ไหนที่จะได้เห็นบริษัทระดับท็อปของประเทศ มานั่งเปิดมุมมองลึกถึงแก่นการบริหารคนแบบนี้ เพราะนี่คือ WorkVenture Top 50 Companies Interviews หนึ่งเดียวที่กล้าทำ และคุณไม่ควรพลาด

close
ลงทะเบียนกับ WorkVenture เพื่อค้นหางานใหม่ล่าสุดและอ่านรีวิวบริษัทจากผู้ทำงานจริง