ไลฟ์สไตล์ | 21 February 2024

6 สัญญาณอันตราย “ทนรอไม่ได้” นิสัยที่พนักงานออฟฟิศต้องระวัง

Hurry Sickness หรืออาการทนรอไม่ได้ ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

ปัจจุบันการใช้ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ประกอบกับมีเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึง AI ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเรามีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นข้อดี แต่ภายใต้ข้อดีเหล่านั้นก็อาจแฝงด้วยข้อเสียอยู่บางประการอย่าง “อาการทนรอไม่ได้” ที่แฝงมากับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบแบบนี้

เราจะพาทุกคนมาดู 6 สัญญาณเตือนของ “อาการทนรอไมได้” ว่าจะมีอะไรบ้าง ซึ่งสัญญาณเหล่านี้อาจไม่ได้ชี้ชัด แต่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เพราะการทำอะไรอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อแพลนงานในแต่ละวันและร่างกายของเราได้ มาดูและเช็คไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าว่ามีสัญญาณอะไรบ้าง!! 


 

1.ชอบแข่งกับเวลาอยู่เสมอ 

คนเรามักเคยมีช่วงเวลาที่รีบเร่งเกิดขึ้นได้เสมอ แต่จะมีบางคนที่จะแยกไม่ออกว่ารีบเพราะความจำเป็นหรือไม่ จนกลายเป็นว่าต้องทำทุกอย่างเหมือนกำลังอยู่ในสนามแข่งขันที่มีเวลาเป็นตัวกำหนด แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น กินข้าวก็ต้องเร็ว หรือแม้แต่รถติดไฟแดงเพียงเล็กน้อยก็อาจสร้างความหงุดหงิดได้ ซึ่งอาการนี้ถือว่าเข้าข่ายอาการของ Hurry Sickness

 


 

2.ชอบทำหลายอย่างพร้อมกัน 

การทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการทำหลายอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ แต่หมายถึงการทำงานหลายๆ อย่าง ณ เวลาเดียวกัน ในลักษณะสลับไปสลับมา หรือที่เรียกว่า "Multitasking" ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการทนรอไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถทนทำอะไรได้ทีละอย่างนั่นเอง เพราะคนที่มีอาการ Hurry Sickness มักจะรับทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และชอบมีหน้าที่พร้อมกันในหลายบทบาท 

 

 

3.หงุดหงิดเมื่อเจอความล่าช้า 

อีกหนึ่งสัญญาณของอาการทนรอไม่ได้ คือ จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อต้องเจอกับความล่าช้า เช่น คนประเภทที่กดปุ่มลิฟต์ซ้ำ ๆ เพื่อต้องการให้ประตูลิฟต์ปิดเร็ว ๆ และเมื่อสิ่งที่ทำไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คิดไว้ ก็จะรู้สึกเซ็ง หงุดหงิด มีอารมณ์ที่ขุ่นมัวเกิดขึ้นในใจทันที

 


 

4.รู้สึกทำอะไรได้ไม่ทันใจตัวเอง 

สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรามีความต้องการที่จะไล่ตามทุกอย่างให้ทันใจตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเรื่องการทำงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เพราะความรู้สึกที่ต้องการจะทำให้สำเร็จเร็วๆ กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่ออารมณ์ข้างใน ทำให้บางครั้งควบคุมตัวเองไม่ได้ และแน่นอนว่าคนที่อารมณ์เสียบ่อยๆ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อการทำงาน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

 


 

5.ชอบขัดจังหวะคนอื่นอยู่เสมอ 

สิ่งที่เป็นจุดสังเกตอีกอย่างคือคนที่เป็นโรคทนรอไม่ได้จะไม่ยอมเสียเวลาไปกับอะไรก็ตามที่รู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ แม้แต่การสนทนา หากคู่สนทนาพูดช้ากว่าที่คาดหรือไม่เข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว คนที่เป็นโรคทนรอไม่ได้จะพูดแทรกและกระตุ้นให้เข้าเรื่องทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในในอนาคตได้

 


 

6.หมกมุ่นกับเรื่องเดิมไม่สิ้นสุด 

อีกหนึ่งสัญญาณคือ นิสัยจอมหมกมุ่นอยู่กับลิสต์สิ่งที่คุณต้องทำให้เสร็จ คุณจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อคุณจัดการสิ่งที่ต้องทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ใจคุณก็จะสงบไม่นาน เพราะต่อจากนั้นคุณจะคิดถึงสิ่งที่ต้องทำลำดับถัดไปอย่างรวดเร็ว อย่าลืมว่าการก้าวไปสู่หน้าที่ใหม่ๆ กับผลงานใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว บางครั้งมันไม่ได้ทำให้คุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่มันอาจทำให้คุณเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น ลี แชมเบอร์ส ถึงได้บอกว่า “คนที่เป็นโรคทนรอไม่ได้ จึงแสดงให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่าพวกเขามีสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป และมันเกิดขึ้นซ้ำๆ ซากๆ อยู่ตลอดเวลา”

 

วิธีแก้ไขอาการ Hurry Sickness : 


หลังจากที่เราได้รู้จักกับอาการและได้ทำการสำรวจตัวเองกันไปแล้ว หลายคนก็คงจะมีคำถามตามมาว่า อาการเหล่านี้ร้ายแรงหรือไม่ แล้วเราจะมีวิธีแก้ไขอาการเหล่านี้ได้ยังไงกัน  เราเลยจะนำทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการแก้ไขอาการเหล่านี้มาฝากทุกคยกันด้วย ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

  • ทำสมาธิและตั้งสติให้ดี : หากเรารู้สึกว่าเริ่มหงุดหงิดหรือว่าเกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมา เราควรตั้งสติด้วยการสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง ไม่ให้เกิดความหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
  • หาเวลาในการออกไปผ่อนคลาย : ควรหาเวลาว่างในการทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น การนั่งสมาธิ ฟังเพลง เพื่อให้ตัวเองเป็นคนที่ใจเย็นมากยิ่งขึ้น และลดการเร่งรีบในการใช้ชีวิตลง
  • ออกกำลังนิด ชีวิตแจ่มใส : นอกจากการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคล้ายแล้วนั้น การออกกำลังกายก็เป็นอีกทางเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายเรามีความแข็งแรงมากขึ้นแล้วนั้น ยังเป็นการฝึกสมาธิให้เราจดจ่อกับสิ่งนั้น ๆ ได้เป็นเวลานานอีกด้วย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ : นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย และจิตใจของเรา การที่เรานอนหลับเต็มอิ่มนั้น เมื่อเราตื่นมาร่างกายเราก้จะมีความสดชื่น และพร้อมจะเริ่มวันใหม่ที่ดีนั่นเอง

 

และนี้ก็คือข้อสังเกตและทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับอาการ ทนรอไม่ได้ ที่เราได้นำมาฝากในวันนี้ ทั้งนี้หากมีการสำรวจตนเองเบื้องต้นแล้วคิดว่ามีอาการ ก็อย่าลืมทำตามวิธีแก้ไขข้างต้นได้เลย!