บริษัทที่น่าสนใจ | 16 August 2021

สร้างคน สร้างชุมชนสู่ความยั่งยืนกับหลักคิด “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ของมิตรผล

 

หากเปรียบองค์กร เหมือน “คน” การสร้างความเจริญเติบโตคงเป็นเรื่องไม่ยาก และใช้เวลาไม่นาน แต่หากอยากให้ผู้อื่น ชุมชน สังคมรอบข้างได้เจริญเติบโตไปพร้อมกับเรานั้น ต้องมาจากความตั้งใจและอยากสร้างอย่างจริงจัง ที่ “มิตรผล” สนับสนุนให้พนักงานทำในสิ่งที่มีคุณค่า มีประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ด้วยความคิดความเชื่อที่ว่า เมื่อทำสิ่งที่มีประโยชน์ มีความหมาย จะเกิดความสุข ความภาคภูมิใจ โดยจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆในงาน ส่งต่อ ขยายผลในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับคนในชุมชน สังคม แบบ ผีเสื้อขยับปีก (Butterfly Effect) ล้มบ้าง ลุกบ้าง ร่วมด้วยช่วยกัน ผลักดันช่วยเหลือสังคม ดังที่มิตรผลได้ใช้แนวคิด “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ในการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนและความสุขต่อผู้คนและชุมชน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรมาดู

มิตรผลยืนหนึ่งด้านความยั่งยืน 

อย่างที่ WorkVenture ได้เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ว่ามิตรผลเป็นองค์กรที่ใส่ใจในการสนับสนุนเรียนรู้ของพนักงานมาก โดยมิตรผลช่วยสนับสนุนพนักงานในการเรียนทั้งออนไลน์ อบรม ส่งไปเรียนต่างประเทศ สร้างเวทีในการคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และแบ่งปันองค์ความรู้ต่าง ๆ เหล่านี้ไปช่วยเหลือชุมชน ชาวไร่อ้อยและ Key Stakeholders  ซึ่งถือเป็นกลุ่มคน ที่สนับสนุนให้ธุรกิจของมิตรผลสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน จนเป็นที่มาของความสำเร็จจากเป็นองค์กรอันดับ 4 ด้านความยั่งยืนระดับโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร พร้อมด้วยรางวัล “Sustainability Awards Silver Class 2021” และถูกจัดให้เป็นสมาชิกในรายงานความยั่งยืน “S&P Global Sustainability Yearbook Member 2021” จากผลการประเมินความยั่งยืนขององค์กร หรือ Corporate Sustainability Assessment (CSA) โดย S&P Global ซึ่งเป็นผู้ประเมินความยั่งยืนให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) จริง ๆ มิตรผลเคยอยู่ในลำดับที่ 17 จากนั้นได้ก้าวมาสู่ลำดับที่ 4 ในปี 2563 จึงเห็นได้ว่าแม้มิตรผลจะไม่ได้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะพัฒนาและสร้างความยั่งยืนให้เทียบเท่ามาตรฐานระดับโลก จนสามารถกระโดดมาสู่ลำดับที่ 4 ได้ในที่สุด

ต้องบอกอย่างนี้ว่ารางวัลที่ได้มานี้คือสำคัญมาก เพราะ S&P Global นั้นประเมินบริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลกกว่า 7,000 บริษัท ใน 60 อุตสาหกรรม ซึ่งประเมินกันแบบเชิงลึกลงถึงความสามารถในการทำงาน กลยุทธ์ต่าง ๆ ที่บริษัทนั้นนำมาใช้ในการจัดการกับสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศและยังดูไปถึงประสิทธิภาพที่ได้ด้วย ไม่ใช่แค่นโยบาย ดังนั้น ถ้าถามว่ามิตรผลเป็นอันดับ ที่ 4 ได้นี่ แสดงให้เห็นว่ามิตรผลใส่ใจและดำเนินการในการสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง 

 

 

“ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” จากนวัตกรรมในออฟฟิศสู่ชุมชน

เอาล่ะ แล้วรู้หรือไม่ว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่ มิตรผลไม่ได้ทำแค่นํ้าตาลเท่านั้นนะ แต่เน้นในเรื่องของ “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพชาวไร่อ้อย ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม กล่าวคือกลุ่มมิตรผลไม่ได้มองแค่ว่าจะเอาอะไรมาผลิต ขายได้เท่าไหร่ แต่ยังมองตั้งแต่ต้นนํ้าถึงปลายนํ้าด้วยว่าสิ่งต่าง ๆ มาได้อย่างไร แล้วจะจัดการอย่างไรต่อ เพื่อสร้างความยั่งยืน โดยแบ่งมุมมองออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งขับเคลื่อนผ่านนวัตกรรมและดิจิทัล สอดคล้องและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาทั้งองค์กร พนักงาน และที่สำคัญคือชาวบ้านและชุมชนที่ช่วยสนับสนุนมิตรผลมาโดยตลอดผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย อย่างด้านเศรษฐกิจนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะมิตรผลเป็นชื่อที่ทุกคนต้องคุ้นหูอยู่แล้ว และกลุ่มมิตรผลเป็นองค์กรที่มีการกำกับดูแลให้มีนโยบายด้านธรรมาภิบาล ให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารงานจนได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใสในปี 2563 คือต้องบอกว่ามิตรผลเป็นบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นแต่ก็ดำเนินการอย่างดีเลย ด้านสังคมนั้น กลุ่มมิตรผลเน้นช่วยทั้งส่งเสริมให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้วยังแบ่งปันสู่ชุมชนของชาวมิตรผลด้วย สำหรับพนักงานของมิตรผลจะมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมกิจกรรมมากมายที่ช่วยให้ชีวิตมีความสมดุลระหว่างงานและการพักผ่อนมากขึ้น เช่น การจัดให้มีพื้นที่ฟิตเนสออกกำลังกายภายในออฟฟิศหลังเลิกงาน และ Relax Space เพื่อให้พนักงานชาร์จพลัง ผ่อนคลายหลังเลิกงาน และสร้างเสริมสุขภาพที่ดี เก๋ปะล่ะ เมื่อพนักงานมีความสุข แล้วคราวนี้ก็สามารถส่งมอบไปยังคนภายนอกได้

 

 

ในส่วนของด้านสิ่งแวดล้อมกลุ่มมิตรผลได้นำองค์ความรู้และนวัตกรรมต่าง ๆ ไปแนะนำให้แก่ชาวบ้าน เกษตรกรด้วยเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การให้ความรู้เกษตรกรตามแนวทาง “มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม” ซึ่งเป็นการทำไร่อ้อยสมัยใหม่ที่ลดการเผาอ้อย ซึ่งจะช่วยลดมลพิษในอากาศและรักษาหน้าดินเอาไว้ แล้วก็มีการนำพืชตระกูลถั่วมาปลูกเพื่อบำรุงดินและลดการใช้สารเคมี รวมถึงการใช้นํ้าอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ปลูกอ้อยในพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งพวกนี้ดูเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็ตระหนักว่าควรทำ เพราะจะช่วยไม่ให้โลกร้อนไปมากกว่านี้ แต่สิ่งที่เกษตรกรต้องการคือ ความรู้และวิธีที่จะนำไปปฏิบัติจริง ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งมิตรผลให้ความใส่ใจที่จะนำความรู้ที่ปฏิบัติได้จริงไปมอบให้ชาวบ้าน โดยมิตรผลได้นำเอาเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาช่วยบริหารจัดการในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน บำรุงดิน และตัดอ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวางแผน และติดตามดูแลผลผลิตการเกษตรเพื่อให้ไวต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งดิน ฟ้า อากาศ นํ้า และพัฒนา One-Agri Application ซึ่งได้ชื่อว่า “แอปเดียวครบจบทุกความต้องการ” เป็น One-Stop Service ที่จะช่วยเกษตรกรให้เข้าถึงข้อมูลการซื้อขายต่าง ๆ และข่าวสารมากมายภายในแอปพลิเคชันเดียว การใช้ระบบให้นํ้าจากมือถือโดยใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ตรวจวัดความชื้นในดิน เป็นการนำเอาเทคโนโลยีเพื่อจะได้ใช้นํ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้ผลผลิตอ้อยสูงขึ้น นำมาซึ่งการสร้างรายได้ของชาวไร่อ้อยที่ดีขึ้น

 

 

สิ่งหนึ่งที่ WorkVenture มองว่ามิตรผลสามารถทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ก็เพราะมิตรผลไม่ได้เพียงแต่เอาความรู้ประสบการณ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปช่วยชุมชนและเกษตรกรเพียงอย่างเดียว แต่ก่อนที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ จะต้องมีการสร้างความร่วมมือของคนในชุมชนเองที่เรียนรู้การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของชุมชน เพราะคนในพื้นที่ย่อมรู้ดีที่สุดว่าอะไรดีและทำได้จริง จากนั้นจึงคอยเป็นกูรูเพื่อแนะนำคนในชุมชนต่อไป อย่างเช่นเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ชาวบ้านสามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้น เป็นการเปลี่ยนวิถีให้ชุมชนรู้จักกับตลาดออนไลน์ อย่างเช่นการใช้ Line Official เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้เป็นแหล่งรวมสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของเครือข่ายสมาชิก โดยโครงการนี้ เริ่มนำร่องที่จังหวัดชัยภูมิ และกำลังขยายผลต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ ที่มีโรงงานนํ้าตาลมิตรผลตั้งอยู่ 

ความใส่ใจจริงของมิตรผลยังเห็นได้จากโครงการจ้างงานผู้พิการ เพื่อให้ผู้พิการมีงานมีรายได้ด้วยการร่วมจัดตั้งชุมชนผู้พิการในตำบล ทำให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้มากขึ้น มิตรผลยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ รวมถึงการร่วมกันทำกิจกรรมสร้างรายได้เสริมให้กับผู้พิการและผู้ดูแลผู้พิการ ทำให้กลุ่มมิตรผลได้รับรางวัลองค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการระดับดีเยี่ยม ประจำปี 2563 นอกจากการดูแลผู้พิการในสังคมแล้ว มิตรผลยังให้ความสำคัญกับการสร้างทักษะการเรียนรู้ใหม่ๆ ในแบบศตวรรษที่ 21 ให้กับเด็กๆ ผ่านโครงการ Partnership School ด้วยละ ซึ่งเรื่องต่างๆ ที่เล่ามาเหล่านี้ล้วนเป็นโครงการต่อเนื่องมีการติดตามและอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เสมอ 

 

 

สำหรับองค์กรที่มีความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างความยั่งยืนภายในชุมชนจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้เป็นเพราะว่าองค์กรและคนภายในองค์กรตั้งใจที่จะทำอย่างนั้นจริง ๆ ซึ่งก็ทำให้ได้เห็นว่าความรู้สึกที่อยากก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กันของมิตรผลโดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน และคนในชุมชนสังคม ที่ๆมีมิตรผลอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง แล้วคุณล่ะอยากทำงานในองค์กรแบบไหน ถ้าเป็นองค์กรที่คุณสามารถเชื่อมั่นได้ว่าคุณจะเติบโตอย่างมีคุณภาพจริง และพาคนในชุมชุนสังคมเติบโตไปด้วยกัน ก็ที่มิตรผลเนี่ยแหล่ะ WorkVenture ขอแนะนำ 

 


#มิตรผล #mitrphol