คำแนะนำการหางาน | 4 January 2023

ก่อนที่คนรุ่นใหม่อย่างคุณจะตัดสินใจทำงานที่ไหน ต้องแน่ใจว่าบริษัทมี 10 ข้อนี้

คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มาพร้อมกับ Passion ใหม่ๆ ไอเดียที่หลากหลาย มุมมองที่แตกต่าง รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่เหมือน Gen อื่นๆ เลย นี่ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรส่วนใหญ่ในอนาคตให้ก้าวไปสู่ประตูแห่งความสำเร็จเลยก็ว่าได้ แต่งานที่คุณมองหาเป็นแบบไหนกันล่ะ ความร้อนวิชาเสมือนไฟที่กำลังจะประทุ พร้อมฉายแสงสุดๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาความสามารถไปใช้ที่ไหน? หรือเรียกว่ามีอาวุธลับแต่ถูกปิดตายไปซะอย่างงั้น 

 

 

ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าคุณจะไปในเส้นทางใด ลองเช็คให้ดีอีกทีว่าก่อนที่จะเริ่มทำงาน สิ่งที่ต้องการจากบริษัทคุณต้องการอะไร และในตอนเริ่มต้นควรเลือกจากสิ่งใด บางทีคุณอาจจะต้นหาตัวเองจนเจอก็ได้นะ ทว่าคุณไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร ลองลุยด้วยตัวเอง ถามใจตัวเองเยอะๆ คุณนั่นแหละคือคนที่รู้ใจตัวเองมากที่สุด

 

พันธกิจของบริษัท

หลายบริษัทเริ่มมีการปรับพันธกิจให้เข้ากับคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งการหาข้อมูลเกี่ยวกับพันธกิจของบริษัท ช่วยให้คุณรู้ว่าความคาดหวังของบริษัทกับความคาดหวังของคุณนั้นเป็นไปในทฺสทางเดียวกันหรือไม่ และเป้าหมายนั้นคุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการประสบความสำเร็จให้กับบริษัทไปพร้อมๆกับสร้างความมั่นคงให้ตนเองได้จริงหรือ เพราะถ้าคุณทำงานแบบไร้จุดหมายไปวันๆ คุณจะอยู่กับมันได้ไม่นานหรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าการทำงานในทุกๆ วัน ที่เป็นอยู่นี้คุณชอบที่จะทำมัน และสนุกมากกับงานจนรู้สึกว่า ถ้าไม่ทำงานแล้วรู้สึกขาดหายอะไรบางอย่างไปจากชีวิตแล้วหล่ะก็ แสดงว่าคุณเจองานที่ใช่แล้วหล่ะ!  



 

โอกาสเติบโตในสายงาน

ความคาดหวังของการทำงานแน่นอนว่าทุกคนอยากเติบโตไปพร้อมๆ กับบริษัท ยิ่งบริษัทเปิดทางให้ได้ฉายแววยิ่งสร้างอิมแพคให้คนรึ่นใหม่สุดๆ เพราะมันคือการพิสูจน์ความสามารถและทักษะที่มีของคนรุ่นใหม่ ถ้าไม่ลองให้ลงมือทำจะรู้ได้ไงล่ะว่าคนนี้มีของ ไม่มีใครอยากกั๊กความสามารถไว้หรอก เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้ใช้มันก็แค่นั้น แต่ถ้าอยากพิสูจน์ก็ต้องหาเวทีลงสนามแล้วหล่ะ เพราะนี่เป็นโอกาสในการเติบโตนี่สำคัญมากจริงๆ นอกจากจะช่วยผลักดันให้คุณอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้นแล้ว ยังพัฒนาบริษัทให้แข็งแกร่งอีกด้วย เพียงแต่ต้องหาโอกาสให้เจอเพื่อพัฒนาความสามารถให้ก้าวไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังไว้

 

โอกาสในการเรียนรู้

บางบริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะโดยการให้ทุนในการไปเรียนต่อ หรือการพบปะผู้คนที่มีประสบการณ์นั้นเป็นที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสเรียนรู้ และนำความรู้มาใช้ในการพัฒนาองค์กร การหาโอกาสถือเป็นสิ่งแรกๆ เลยที่ควรเริ่มทำ เพราะไม่มีใครเก่งได้โดยไม่เรียนรู้ ยิ่งเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีแล้วหล่ะก็ คนที่มีทักษะในการใช้ Tools ได้ดีก็จะมีโอกาสที่มากกว่าคนอื่น

 


 

อิสระและความยืดหยุ่น

หลายคนต้องการทำงานบริษัทที่ไม่ได้กดดัน หรือมาตีกรอบว่าต้องเข้างานตรงเป๊ะตลอดเวลา เพราะโตๆ กันแล้ว ทุกคนก็มีความรับผิดชอบพอที่จะทำงานให้ครบตามเวลาทำงาน ซึ่งไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมีคนคอยจับตา จับผิดตลอด วันๆ ต้องมาคอยระแวงเสมอว่าจะเป็นเป้าหมายของเรื่อ gossip ในวันนี้ไหม แบบนี้มัน Toxic เกินไปเหนื่อยงานก็ไม่เท่าเหนื่อยใจนะ เพราะทุกคนมีวิธีการเตรียมความพร้อมในการทำงานในแบบของตนเอง การถามเรื่องความอิสระหรือความยืดหยุ่นของบริษัทก่อนทำงานก็เป็นอีกข้อที่คนทำงานรุ่นใหม่ควรรู้

 


 

รู้สึกเป็นเจ้าของ

ถ้ามีบริษัทที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นเจ้าของหรือเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญกับองค์กร เห็นคุณค่าในตัวคุณ และให้ความสำคัญกับคุณ กับอีกบริษัทที่คุณรู้สึกว่าคุณแค่ไปทำงาน ทำหน้าที่ที่รับผิดชอบเพื่อรับเงินตอนสิ้นเดือน แล้วก็จบๆ ไป วนอยู่แบบนั้นซ้ำๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แน่นอนว่าคุณเองก็อยากเห็นภาพตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จนั้น จนอยากจะสร้างชื่อเสียงและปกป้องบริษัทที่ทำงานใช่ไหมหล่ะ

 

การยอมรับ

ไม่ใช่การยกยอ สรรเสริญ แต่เป็นการยอมให้คนรุ่นใหม่ได้ลงมือทำจริงๆ จังๆ ไม่ใช่แค่การให้งานที่น่าเบื่อ ไม่มีสิทธิ์ในการออกความคิดเห็นใดๆ หรือไม่รับฟังปัญหาของพนักงานที่เกิดขึ้นภานในบริษัท การถูกมองข้าม การมองไม่เห็นคุณค่าความเป็นคน ต้องคอยปรนนิบัตรับใช้อยู่กันคนละชั้น ปฎิบัติกับคนรุ่นใหม่แบบดูถูกความสามารถ สิ่งนี้แหละที่เป็นกำแพงกั้นไว้ไม่ให้บริษัทไปถึงความสำเร็จที่ใหญ่กว่าสักที

 

ความหลากหลาย

ต่างคน ต่างความคิด บุคลิกภาพในการทำงานก็ต่างกัน การจะทำงานให้บรรลุเป้าหมายนั้นก็มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป การที่คนในองค์กรยอมรับในความหลากหลาย ไม่จมปลักอยู่กับความเชื่อเดิมๆ ลองวิธีการใช้ของคนรุ่นใหม่ บางทีอาจจะเห็นความแตกต่างก็ได้นะ อย่ารู้สึกไม่มั่นใจเพียงแค่คุณต่างจากคนอื่น แต่ใช้ความแตกต่างของคุณทำให้คนอื่นรู้ว่าสิ่งที่คุณทำสามารถช่วยบริษัทให้ประสบความสำเร็จนั้นๆ ได้จริง



 

วัฒนธรรมการทำงาน

สิ่งแวดล้อมต่างๆ รวมถึงบรรยากาศของการทำงานส่งผลต่อสุขภาพจิตใจของทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่คนรุ่นใหม่ ยิ่งในปัจจุบันการใช้ชีวิตการทำงานแบบ work-life balance นั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ คนกำลังมองหา ถึงแม้ว่าการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในองค์กรจะเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำให้การทำงาน flow มากขึ้น แต่การเพิ่มเวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ให้พนักงานได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นโดยการหยุดงานจริงๆ ในวันนั้น ไม่ใช่ว่าวันหยุดนะแต่ยังตามงานอยู่ แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

 

เงินเดือน

หลายบริษัทต้องการคนที่เก่ง มีความสามารถรอบด้าน ต้องการคนที่มีทักษะแบบนั้นแบบนี้ แต่การให้เงินเดือนที่เหมาะสมก็เป็นจุดที่ดึงดูดคนเข้าไปทำงานมากๆ เงินอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกเดียวในการสมัครงาน แต่การใช้ชีวิตทุกวันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนเรามีค่ามากจริงๆ (ค่าใช้จ่ายเยอะมากกกกก) ดังนั้นการทำงานไม่ใช่งานที่จะต้องเลือกคุณ แต่คุณต้องเลือกงาน การพัฒนาทักษะอาจจะยาก แต่หมั่นเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาตนเองเพื่องานที่เหมาะกับคุณ

 


 

สวัสดิการพนักงาน

แม้ว่าเงินเดือนจะเป็นตัวเลือกที่ดึงดูดใจได้มาก แต่สวัสดิการที่ดีจะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณถูกซัพพอร์ต และเติมเต็มให้คุณสบายใจได้มากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้คุณเผชิญปัญหาเพียงลำพัง หรืออาจจะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มั่นคงมากยิ่งขึ้น 

 

Henry David Thoreau นักธรรมชาติวิทยาชาวอเมริกัน ได้กล่าวไว้ว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานหาเงินในการใช้ชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่การทำงานทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า หลายคนมีความคาดหวังในการทำงานก็เพื่อเฟ้นหาศิลปะการใช้ชีวิตให้มีความสุขในแบบชองจนเอง เพราะคนทุกคนจำเป็นต้องทำงานเพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณของตัวเองไปพร้อมๆ กับการหาเงินเพื่อดำรงชีวิต 

อย่าปล่อนให้ตัวเองทนอยู่กับงานเดิมๆ ที่น่าเบื่อ หรือแม้แต่การจะเลือกงานแรกของคุณก็อย่ายอมในสิ่งที่ไม่ควรจะยอม ถ้าคุณมีความสามารถก็เลือกทางเดินของตัวเอง เลือกงานที่กำลังจะไปในทิศทางเดียวกับที่คุณวางเป้าหมายไว้ อย่าลดความสุขของตัวเองทิ้งไว้กับงาน