คำแนะนำการหางาน | 17 June 2025

ไม่ต้องเก่งโค้ด! 7 งานในสายเทคโนโลยีที่คนไม่สายไอทีก็ทำได้

เมื่อพูดถึง งานสายเทคโนโลยี หลายคนอาจจะยังติดภาพว่าต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ที่กำลังเขียนโค้ดซับซ้อนๆ บนหน้าจอสีดำ แต่จริงๆ แล้วโลก งานสายเทคโนโลยี กว้างใหญ่และหลากหลายกว่านั้นมากค่ะ ในยุค Digital Transformation นี้ คุณไม่จำเป็นต้องเก่งเรื่องการเขียนโค้ดก็สามารถทำงานและเติบโตในวงการนี้ได้ในหลากหลาย งานสายเทคโนโลยี! หากคุณสนใจใน งานสายเทคโนโลยี ที่ไม่ต้องการทักษะโค้ดดิ้งโดยตรง บอกเลยว่ามีโอกาสมากมายรออยู่ นี่คือ อาชีพสายเทคโนโลยี ที่หลากหลายและเปิดโอกาสในโลกดิจิทัล

แนวโน้มนี้ได้รับการยืนยันจากรายงานและบทความต่างๆ ทั่วโลก อย่างเช่น รายงาน Future of Jobs ของ World Economic Forum ที่ชี้ให้เห็นว่าทักษะที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดงานโลกนั้นมีความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทักษะด้านเทคนิคการเขียนโค้ดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ การคิดวิเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของ งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่กำลังเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 7 อาชีพสายเทคโนโลยี ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ดโดยตรง แต่เป็นบทบาทสำคัญใน งานสายเทคโนโลยี ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดโลก รวมถึงในประเทศไทย พร้อมสอดแทรกมุมมองและแนวโน้มจากแหล่งอ้างอิงต่างประเทศ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในโลก Tech แต่ไม่ถนัดโค้ด ห้ามพลาด งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด เหล่านี้! ในวงการ งานสายเทคโนโลยี นี้ ห้ามพลาด!

 


 

7 ตำแหน่ง งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด

ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager)

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PM (พีเอ็ม) ก็คือ "ซีอีโอประจำผลิตภัณฑ์" ของบริษัทนั่นเองครับ พวกเขามีอำนาจในการตัดสินใจ กำหนดทิศทาง และรับผิดชอบความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ดิจิทัลนั้นๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ เว็บไซต์ แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ หรือบริการดิจิทัลอื่น ๆ หน้าที่หลัก ๆ ของ PM คือการกำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ ทำความเข้าใจลูกค้าและตลาด แปลงความต้องการเป็นข้อกำหนด จัดลำดับความสำคัญ วางแผนและดูแลการพัฒนา และทำงานร่วมกับทีมอื่นๆ ตำแหน่งนี้เป็น อาชีพสายเทคโนโลยี ที่สำคัญในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ดิจิทัล

นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้ตำแหน่ง PM เป็น งานสายเทคโนโลยี ที่คนไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดได้ก็ทำได้ หน้าที่หลักของ PM คือ "การตัดสินใจว่าจะสร้างอะไรและทำไม" ไม่ใช่ "การลงมือสร้างด้วยโค้ด" พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ว่าโค้ดถูกเขียนขึ้นมาอย่างไร หรือแก้ไข Bug ได้เอง แต่สิ่งที่ PM ควรมีคือ "ความเข้าใจเชิงเทคนิคพื้นฐาน" (Technical Acumen) ที่ช่วยให้สื่อสารกับทีมวิศวกรได้เข้าใจ ประเมินขอบเขตงานและระยะเวลาได้แม่นยำขึ้น ตัดสินใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม และมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Software Development Life Cycle (SDLC) เพื่อทำงานร่วมกับทีมพัฒนาได้อย่างราบรื่น ตำแหน่งนี้จัดเป็น งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่ต้องอาศัยการมองภาพใหญ่

ดังนั้น ทักษะที่สำคัญที่สุดของ PM จึงไม่ใช่การ Coding แต่เป็นการคิดวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ การทำความเข้าใจตลาด การสื่อสารที่ยอดเยี่ยม การบริหารจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก การจัดลำดับความสำคัญ และความสามารถในการนำทีม โดยไม่ต้องลงมือเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว นับเป็น งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

  • ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับ : มีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ, คิดวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์เก่ง, มีความเข้าใจในด้านธุรกิจ, มีทักษะการสื่อสารและการโน้มน้าวสูง, สามารถบริหารจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้, ไม่กลัวตัดสินใจ, สามารถจัดระเบียบข้อมูลที่ซับซ้อนได้

 


 

นักออกแบบ UI/UX (UI/UX Designer)

นักออกแบบ UI/UX คือ "สถาปนิกประสบการณ์" ของผลิตภัณฑ์ดิจิทัล พวกเขาไม่ได้แค่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูสวยงามเท่านั้น แต่ทำหน้าที่สำคัญกว่านั้นคือการทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย และได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ตำแหน่งนี้เป็นส่วนสำคัญของ งานสายเทคโนโลยี ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจผู้ใช้ เป้าหมายคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง งานของพวกเขามักแบ่งออกเป็นสองส่วนที่ทำงานร่วมกันคือ UX (ประสบการณ์ผู้ใช้งาน) และ UI (ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งาน) โดยทำการวิจัยผู้ใช้งาน สร้าง User Flow, Wireframe, Mockup, และ Prototype ก่อนส่งมอบให้ทีม Developer ตำแหน่งนี้เป็น อาชีพสายเทคโนโลยี ที่สร้างสรรค์

หัวใจหลักของงาน UI/UX Designer คือ "การคิดและออกแบบว่าผลิตภัณฑ์ควรจะเป็นอย่างไร เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด" พวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ลงมือเขียนโค้ด HTML, CSS, JavaScript หรือภาษาอื่นๆ เพื่อสร้างปุ่ม ฟอร์ม หรือหน้าจอจริงๆ ขึ้นมาในระบบ เครื่องมือหลักที่พวกเขาใช้คือโปรแกรมสำหรับออกแบบและสร้าง Prototype โดยเฉพาะ เช่น Figma, Sketch, Adobe XD ซึ่งเน้นการสร้างภาพและการจำลองการทำงาน มากกว่าการเขียนโค้ด ซึ่งจัดเป็น งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตำแหน่ง งานสายเทคโนโลยี นี้คือ ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ผู้ใช้งาน ความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยการออกแบบ ความเข้าใจในจิตวิทยาผู้ใช้ และความใส่ใจในรายละเอียด แม้การมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับความสามารถและข้อจำกัดของเทคโนโลยีเว็บหรือแอปพลิเคชันจะช่วยให้สื่อสารกับ Developer ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเขียนโค้ดได้คล่องแคล่ว แหล่งข้อมูลด้าน UX/Design ชั้นนำอย่าง Interaction Design Foundation มักจะเน้นย้ำว่าแก่นของ UX Design คือกระบวนการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาโดยยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นอีกตัวอย่างของ งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่สำคัญอย่างยิ่งในวงการ Tech

  • ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับ : มีความคิดสร้างสรรค์, ช่างสังเกตและใส่ใจรายละเอียด, มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสูง, ชอบแก้ปัญหาด้วยการออกแบบ, มีความสามารถในการสื่อสารแนวคิดที่ซับซ้อนได้, สนใจเรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์และเทคโนโลยีใหม่ๆ

 


 

ผู้จัดการโครงการด้านไอที (IT Project Manager):

ผู้จัดการโครงการด้านไอที หรือ IT PM เป็นเหมือน "ผู้ประสานงานหลัก" และ "ผู้ควบคุมทิศทาง" ของโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งอาจมีได้หลากหลายรูปแบบ ตำแหน่งนี้เป็นหนึ่งใน งานสายเทคโนโลยี ที่สำคัญในการแปลงแผนงานสู่การปฏิบัติ พวกเขาต้องบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลายเพื่อให้ทุกคนเข้าใจเป้าหมาย สถานะ และปัญหาของโครงการตรงกัน บทบาทนี้สำคัญมากในโลกของ งานสายเทคโนโลยี

แก่นของงาน IT Project Manager คือ "การบริหารจัดการให้โครงการด้านเทคนิคเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ" ไม่ใช่การลงมือเขียนโค้ด แก้ไข Bug หรือติดตั้งระบบเอง พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ลึกถึงระดับโค้ด แต่ต้องมีความเข้าใจในภาพรวมของกระบวนการทำงานและธรรมชาติของโครงการด้าน IT เพื่อที่จะสามารถวางแผน ประเมินระยะเวลา และบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคได้อย่างสมเหตุสมผล นี่คืออีกหนึ่ง งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่มีความต้องการสูงในตลาด

ทักษะที่สำคัญที่สุดของ IT Project Manager คือทักษะด้านการบริหารจัดการ การวางแผน การสื่อสาร การเจรจาต่อรอง การแก้ปัญหา และความเป็นผู้นำ พวกเขาใช้เครื่องมือในการบริหารโครงการ (Project Management Tools) เช่น Microsoft Project, Jira, Trello หรือ Asana เป็นหลัก ซึ่งเน้นการจัดระเบียบงาน การติดตามความคืบหน้า และการสื่อสารในทีม Project Management Institute (PMI) เน้นย้ำถึงความต้องการ Project Manager ที่มีความเข้าใจในบริบทของอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึง IT เพื่อขับเคลื่อนโครงการที่ซับซ้อน นี่จึงเป็นอีกหนึ่ง อาชีพสายเทคโนโลยี ที่เปิดโอกาสให้คนที่ไม่ถนัดโค้ดได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการ Tech และเป็น งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่เป็นที่ต้องการเสมอในโลกของ งานสายเทคโนโลยี

  • ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับ : มีทักษะการจัดระเบียบและการวางแผนที่เป็นเลิศ, สามารถบริหารจัดการผู้คนและทรัพยากรได้, มีทักษะการสื่อสารและการประสานงานยอดเยี่ยม, ทำงานภายใต้ความกดดันได้ดี, มีความเป็นผู้นำ, สนใจและเข้าใจภาพรวมของเทคโนโลยี

 


 

นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst):

ในยุคที่ข้อมูลคือขุมทรัพย์ นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Data Analyst คือผู้ที่ทำหน้าที่ "ขุด" "ทำความสะอาด" และ "ตีความ" ข้อมูลดิบจำนวนมหาศาล เพื่อค้นหา Insight ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ประเมินประสิทธิภาพ คาดการณ์แนวโน้ม หรือระบุปัญหาและโอกาส ตำแหน่งนี้เป็นส่วนสำคัญของ งานสายเทคโนโลยี ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

 

หน้าที่หลักของ Data Analyst คือการรวบรวม ทำความสะอาด วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายในรูปแบบของรายงานหรือแดชบอร์ด (เช่น ใช้เครื่องมืออย่าง Power BI, Tableau) เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตำแหน่งนี้เป็น อาชีพสายเทคโนโลยี ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

แม้ Data Analyst อาจต้องใช้ภาษาสำหรับการ Query ข้อมูลพื้นฐาน เช่น SQL หรือภาษาโปรแกรมอย่าง Python/R บ้างสำหรับงานขั้นสูง แต่ แก่นของงานนี้อยู่ที่ "ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ตีความข้อมูล และนำเสนอสิ่งที่ค้นพบ" ไม่ใช่การเขียนโค้ดเพื่อสร้างระบบงาน เครื่องมือหลักที่ใช้บ่อยคือโปรแกรมตารางคำนวณ และเครื่องมือ Business Intelligence (BI Tools) ซึ่งออกแบบมาเพื่อการจัดการ วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลโดยเฉพาะ ไม่ใช่เครื่องมือเขียนโค้ด จัดเป็น งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่น่าสนใจสำหรับผู้รักการวิเคราะห์

ดังนั้น ทักษะที่สำคัญที่สุดคือ การคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะ ความเข้าใจทางสถิติ ความละเอียดรอบคอบ และความสามารถในการเล่าเรื่องผ่านข้อมูล (Data Storytelling) ซึ่งเป็นทักษะที่แตกต่างจากการเขียนโค้ด รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก McKinsey มักกล่าวถึง Data Analyst ในฐานะผู้เล่นสำคัญในทีม Data & Analytics ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขององค์กรยุคใหม่ และเป็น งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่มีความต้องการสูงในตลาด นี่คืออีกหนึ่ง งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่กำลังเป็นที่นิยมในหลากหลายอุตสาหกรรม

  • ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับ : ชอบทำงานกับตัวเลขและข้อมูล, มีความละเอียดรอบคอบสูง, คิดวิเคราะห์เชิงตรรกะได้ดี, สามารถนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย, สนใจเรียนรู้เครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ ๆ

 


 

นักเขียนเชิงเทคนิค (Technical Writer):

นักเขียนเชิงเทคนิค หรือ Technical Writer คือ "ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารที่ทำให้เรื่องเทคนิคเข้าใจง่าย" พวกเขาทำหน้าที่สร้างสรรค์และจัดการเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการด้าน งานสายเทคโนโลยี เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถทำความเข้าใจและใช้งานเทคโนโลยีนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เอกสารที่พวกเขาสร้างอาจมีหลากหลายรูปแบบมาก เช่น คู่มือการใช้งาน, เอกสารประกอบสำหรับนักพัฒนา, เอกสารประกอบระบบภายใน หรือบทความอธิบายคุณสมบัติใหม่ๆ

Technical Writer ต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น Developer, Product Manager, หรือ Solution Architect เพื่อรวบรวมข้อมูล ทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน จากนั้นจึงเรียบเรียงด้วยภาษาที่ชัดเจน กระชับ และเป็นระบบ โดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก

หัวใจหลักของ Technical Writer คือ "ความสามารถในการทำความเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อน และทักษะการเขียนที่ยอดเยี่ยม" พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่สร้างหรือแก้ไขโค้ดของผลิตภัณฑ์ แต่มีหน้าที่ทำความเข้าใจว่าโค้ดหรือระบบนั้นๆ ทำงานอย่างไร และอธิบายสิ่งเหล่านั้นออกมาเป็นภาษาเขียนที่คนอื่นเข้าใจได้ง่าย ทักษะการเขียน การจัดระเบียบความคิด การใช้ภาษาที่แม่นยำ และความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบความถูกต้อง เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าทักษะการเขียนโค้ดมาก พวกเขาอาจใช้เครื่องมือในการจัดทำเอกสารโดยเฉพาะ และเป็นอีกตัวอย่างของ อาชีพสายเทคโนโลยี ที่ไม่จำเป็นต้องเน้นทักษะ Hardcore Coding จัดเป็น งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่ต้องอาศัยทักษะการสื่อสารระดับสูง และเป็น งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่สำคัญในการทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่าย

  • ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับ : มีทักษะการเขียนที่โดดเด่น, สามารถทำความเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว, มีความละเอียดรอบคอบสูง, ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยี, สามารถทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ได้ดี

 


 

นักทดสอบซอฟต์แวร์ / วิศวกรประกันคุณภาพ (Software Tester / QA Engineer):

นักทดสอบซอฟต์แวร์ หรือ QA Engineer (Quality Assurance Engineer) คือ "ผู้พิทักษ์คุณภาพ" ของผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ผู้มีบทบาทสำคัญในการรับรองว่าซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรือระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างถูกต้องและปราศจากข้อผิดพลาด ก่อนส่งมอบให้ผู้ใช้งานจริง หน้าที่หลักคือการค้นหาและระบุปัญหาด้านคุณภาพ การทำงานของ QA ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนการทดสอบ การออกแบบ Test Case การดำเนินการทดสอบ (Manual หรือ Automated) การค้นหาและรายงาน Bug และการติดตามยืนยันการแก้ไข ตำแหน่งนี้เป็น อาชีพสายเทคโนโลยี ที่เน้นความละเอียดรอบคอบ

การทดสอบซอฟต์แวร์จำนวนมาก โดยเฉพาะ Manual Testing ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานของงาน QA ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ดเลย ผู้ทดสอบจะทำการ "คลิก" และ "ทดลองใช้งาน" เหมือนผู้ใช้จริงตามขั้นตอนที่กำหนด แม้ในตำแหน่ง QA Engineer ขั้นสูงที่ทำงานด้าน Automated Testing อาจต้องเขียน Test Script ซึ่งใช้ภาษาโปรแกรมบางอย่าง แต่ทักษะหลักที่สำคัญจริงๆ สำหรับ งานสายเทคโนโลยี ด้าน QA คือ การคิดวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ ความละเอียดรอบคอบ การออกแบบ Test Case และการสื่อสารที่ชัดเจน ทักษะเหล่านี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับทักษะการเขียนโค้ด แหล่งข้อมูลด้านคุณภาพซอฟต์แวร์ Techrepublic ชี้ให้เห็นว่าทีม QA คือด่านหน้าในการรักษาคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ Tech ซึ่งเป็น งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่สำคัญอย่างมองข้ามไม่ได้ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ และเป็น งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ที่มีความต้องการในทุกโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์

  • ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับ : มีความละเอียดรอบคอบสูงและช่างสังเกต, มีแนวคิดเชิงวิพากษ์, คิดวิเคราะห์ปัญหาและออกแบบขั้นตอนการทดสอบได้, มุ่งมั่นในการทำให้สิ่งต่างๆ สมบูรณ์แบบ, มีทักษะการสื่อสารที่ดี

 


 

นักวิเคราะห์ธุรกิจ (Business Analyst - BA):

นักวิเคราะห์ธุรกิจ หรือ BA คือ "ผู้ไขรหัสความต้องการ" พวกเขาทำหน้าที่เป็น "สะพาน" หรือ "ตัวกลาง" ระหว่างฝ่ายธุรกิจกับฝ่ายเทคนิค เพื่อให้แน่ใจว่าโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นนั้น ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง งานของ BA เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความต้องการทางธุรกิจ นำข้อมูลมาวิเคราะห์ จัดระเบียบ และแปลงให้อยู่ในรูปแบบของข้อกำหนด (Requirements) ที่ชัดเจน เพื่อส่งต่อให้กับทีมเทคนิค ตำแหน่งนี้เป็น งานสายเทคโนโลยี ที่เน้นความเข้าใจในธุรกิจและการสื่อสาร

นอกจากนี้ BA อาจช่วยในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทำงานของธุรกิจ สร้างแผนภาพต่างๆ และอาจมีส่วนร่วมในการทดสอบหรือประเมินผลลัพธ์ของโซลูชัน

 

หัวใจหลักของงาน Business Analyst คือ "ความสามารถในการทำความเข้าใจธุรกิจ วิเคราะห์ปัญหา และสื่อสารข้อกำหนดที่ชัดเจน" พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่เขียนโค้ด หรือออกแบบหน้าจอโดยตรง แต่ต้องมีความเข้าใจในภาพรวมว่าเทคโนโลยีสามารถนำมาช่วยแก้ปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจได้อย่างไร ทักษะที่สำคัญที่สุดคือ ทักษะการสื่อสารและการฟัง, ทักษะการวิเคราะห์, ทักษะการจัดทำเอกสาร, ความเข้าใจในธุรกิจ และทักษะการแก้ปัญหา จัดเป็น อาชีพสายเทคโนโลยี ที่สำคัญในการเชื่อมโยงธุรกิจกับเทคโนโลยี และเป็น งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่ต้องอาศัยทักษะการสื่อสารและการวิเคราะห์ธุรกิจ

เครื่องมือที่ BA ใช้มักเป็นเครื่องมือในการจัดทำเอกสาร การวาดแผนภาพ หรือโปรแกรมสำหรับการบริหารจัดการข้อกำหนดและโครงการ สถาบันระดับโลกอย่าง International Institute of Business Analysis (IIBA) กำหนดมาตรฐานและ Certification สำหรับ BA โดยเน้นย้ำทักษะหลักของ BA คือการวิเคราะห์และการสื่อสาร ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในทุกอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของ งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาด งานสายเทคโนโลยี

  • ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับ : มีทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม, คิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ, เข้าใจความซับซ้อนของธุรกิจได้ดี, จัดระเบียบข้อมูลและเขียนเอกสารชัดเจน, เป็นคนกลางที่ดีในการประสานงาน

 


 

สรุป

อย่างที่เห็นนะคะว่า งานสายเทคโนโลยี นั้นกว้างขวางและเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถหลากหลายในยุคดิจิทัล ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ที่เขียนโค้ดได้เท่านั้น งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด ในตำแหน่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็น อาชีพสายเทคโนโลยี ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลในโลกยุคใหม่ และเป็น งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงาน งานสายเทคโนโลยี นี้ต้องการทักษะที่หลากหลายจริงๆ

อย่างที่ รายงานและบทความจากแหล่งต่างประเทศ ชี้ให้เห็น แนวโน้มของตลาด งานสายเทคโนโลยี ทั่วโลกกำลังต้องการผู้คนที่มีทั้งทักษะด้านเทคนิคพื้นฐาน (ในบางส่วน) และทักษะที่ไม่ใช่การเขียนโค้ด เช่น การคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร การบริหารจัดการ และความคิดสร้างสรรค์ งานไอที ไม่ต้องเขียนโค้ด เหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณค่าไม่ได้อยู่ที่การเขียนโค้ดเสมอไป หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจทำงานในวงการ Tech แต่ไม่ถนัดการเขียนโปรแกรม ตำแหน่งงานเหล่านี้คือโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณในการก้าวเข้าสู่โลกแห่ง งานสายเทคโนโลยี และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์นวัตกรรมค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังมองหาเส้นทางและโอกาสในการทำงานใน งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด นะคะ โลก งาน Tech สำหรับคนไม่ถนัดโค้ด ยินดีต้อนรับความหลากหลายของทักษะเสมอในโลกแห่ง งานสายเทคโนโลยี!

close
ลงทะเบียนกับ WorkVenture เพื่อค้นหางานใหม่ล่าสุดและอ่านรีวิวบริษัทจากผู้ทำงานจริง