คำแนะนำการหางาน | 12 July 2022

เคล็ดลับสมัครงานให้ได้งาน แม้จะเรียนไม่ตรงสาขา

 

เมื่อปริญญาที่จบมาไม่ตรงกับสายงานที่คุณต้องการ อาจถึงเวลาต้องเรียนรู้สิ่งใหม่แล้ว

โดยปกตินักศึกษาชั้นปีที่สองจะเริ่มเลือกวิชาเอกเพื่อให้เรียนจบตามเวลาปกติในแต่ละปีการศึกษา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณต้องการทำงานที่ไม่ตรงกับวิชาเอกที่เรียนมา คุณไม่จำเป็นต้องกังวลต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดนัล แอชเชอร์ นักเขียนหนังสือ How to Get Any Job with Any Major  ได้กล่าวไว้ว่า “เป็นธรรมชาติของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เปลี่ยนเป้าหมายทางอาชีพของพวกเขา นอกจากนี้นายจ้างไม่ได้ตัดสินคุณจากวิชาเอกที่จบมาอย่างที่คิด เมื่อคุณก้าวออกจากมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่สรรหาว่าจ้างให้ความสนใจวิชาเอกของคุณน้อยมาก พวกเขาสนใจเรื่องที่คุณจบปริญญาแล้วมากกว่า” และนี่ก็คือ 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้เริ่มต้นอย่างถูกวิธี


 

1. สำรวจตัวเองและงานที่เราอยากทำ

เมื่อเรารู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่เราเรียนมานั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำในอาชีพ ลำดับต่อมาคือเราควรลองสำรวจว่าอะไรคือสิ่งที่เราสนใจหรือต้องการจะทำจริงๆ อาจริ่มต้นจากการลิสต์ออกมาว่า ขณะนี้เรามีความรู้ความสามารถทางด้านไหนบ้าง และ แต่ละงานที่เราอยากทำนั้น ต้องการคนที่มีลักษณะแบบไหน ทักษะอะไรที่จำเป็น วิธีนี้จะช่วยทำให้เรามองเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และทำให้เรารู้จุดที่จะพัฒนาเพื่อต่อยอดกับการทำงานที่ไม่ตรงสายได้ โดยวิธีนี้มาจาก แอนน์ บราวน์ นักเขียนร่วมของหนังสือ Grad to Great: Discover the Secrets to Success in Your First Career  อ้างอิงจากสถิติแรงงานในคู่มือการหางานที่ได้รับการตีพิมพ์รายละเอียดอาชีพต่างๆ พร้อมข้อมูลเงินเดือนกว่า 300 อาชีพ   

 

2. คิดเสมอว่าตัวเองมีคุณสมบัติ

เมื่องานที่มองหาเป็นงานเฉพาะทาง เช่น พยาบาล สถาปนิก บางทีคุณอาจต้องไปทำการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มเติมจากวิทยาลัยก่อนจะสมัครงานนั้น แต่บางอาชีพก็ไม่จำเป็น ดังที่สตีเฟ่น เวทท์ รองผู้อำนวยการอาวุโสประจำสำนักงานกลยุทธ์ทางอาชีพ มหาวิทยาลัยเยลล์กล่าวไว้ว่า “ 9 ใน 10 ของอาชีพต่างๆ ไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะทางหรือผ่านการฝึกงานมาก่อน

ถ้าหากต้องการทำงานที่มีความเฉพาะทาง สิ่งแรกที่จำเป็นคือประสบการณ์การฝึกงาน ปัจจุบันมีบริษัทหลายบริษัทที่ใช้ระบบรับเด็กฝึกงานบรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการได้บรรจุเป็นพนักงานในระยะยาว หรือถ้าไม่ต้องการฝึกงานระยะยาว การเลือกฝึกระยะสั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ขึ้นไป ก็จะทำให้คุณได้เรียนรู้ลักษณะงานและสร้างเครือข่ายกับผู้คนได้เช่นเดียวกัน

 

3. สร้างเครือข่ายของตัวเอง

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนจบมาตรงกับสายงานที่ต้องการ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มสร้างเครือข่ายจากศูนย์ ลองเข้าไปดูข้อมูลศิษย์เก่าของโรงเรียนเพื่อดูว่ามีรุ่นพี่คนไหนอยู่ในสายงานที่คุณต้องการบ้าง โดยแอชเชอร์ได้แนะนำเรื่องนี้ไว้ว่า “ไม่จำเป็นต้องมองหารองประธานที่มีอายุงานเป็น 10 ปี แต่การมองหารุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจนั้นสัก 5 ปีก็เพียงพอแล้ว”

ถ้างานที่กำลังมองหาอยู่ในเมืองเดียวกับพวกเขา การพบปะพูดคุยต่อหน้าจะดูเป็นมืออาชีพมากกว่าการโทรศัพท์หรือสไกป์ การเข้าหาผู้ที่เป็นมืออาชีพเพื่อสร้างเครือข่ายของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ควรละเลยในการมองหางาน อย่าลืมให้ความสำคัญกับจุดนี้

 

4. ยกระดับความสามารถของทักษะที่จำเป็น

เมื่อปริญญาที่เราจบมาเป็นคนละสายกับสิ่งที่เราเลือกจะทำ คุณอาจลองมองหาคอร์สเรียนประเภทศิลปศาสตร์ทั่วไป คลาสเหล่านี้จะช่วยเสริมทักษะหลายประเภท เช่น การเขียน การแก้ปัญหา การสื่อสารและการบริหารจัดการ

เคลลี่ เคนเนดี้ ผู้แนะแนวด้านอาชีพประจำมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียกล่าวว่า ถ้าคุณลองได้รับบทบาทผู้นำในโปรเจคสักโปรเจค คุณอาจจะได้ทักษะการบริหารจัดการโปรเจคติดตัวมาด้วย ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน  ส่วนแอนน์ บราวน์แนะนำว่า ให้เขียนทักษะที่ตรงตามตำแหน่งลงในจดหมายสมัครงาน

 

5. ขัดเกลาความรู้เกี่ยวกับงานนั้นๆ

เพื่อแสดงให้นายจ้างเห็นว่าเรามีค่าพอที่จะได้งานนั้น คุณต้องพิสูจน์ว่าตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับงานที่จะทำมากพอ เคนเนดี้กล่าวว่า สำหรับคนที่ไม่ได้จบมาตรงสายงานหรือไม่มีประสบการณ์ฝึกงาน การติดตามจดหมายข่าวของบริษัท อ่านข้อมูลบริษัทจากสื่อต่างๆ รวมถึงติดตามข้อมูลบริษัททางโซเชียลมีเดีย นับเป็นไอเดียที่ดีสำหรับคนที่กำลังหางานในการทำความรู้จักกับงานรวมถึงบริษัทที่ตนต้องการไปทำงานด้วย

การเลือกไปทำงานคนละสายกับที่เรียนมาไม่ใช่เรื่องผิดแปลก และเกิดขึ้นได้ในชีวิตของทุกๆ คน แต่คุณต้องมีความพยายาม ฝึกฝนและหาความรู้ใหม่ๆ ให้ตัวเองเสมอ เชื่อว่าการเริ่มที่ตามเคล็ดลับที่เรานำมาฝากจะเป็นแนวทางให้คุณได้เป็นอย่างดี

 

และนี้ก็คือ 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถแข่งขัน หรือ มีโอกาสได้งานนั้นๆถึงแม้คุณจะจบไม่ตรงสายก็ตาม ขอให้เชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณตั้งใจจริง WorkVenture ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังหางานทุกคนได้เจอกับงานที่ใช่ ที่จะทำให้คุณมีพลังตื่นขึ้นมาทำงานที่ตัวเองรักไปทุกวัน และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างกำลังใจให้เหล่าคนทำงานไม่มากก็น้อย