
ทำจนหัวฟู แต่ไม่รู้ว่างานนี้ใช่สำหรับเราไหม?
ก่อนจะลาออก ลอง 5 วิธีนี้ก่อน…
คุณเคยรู้สึกไหมว่า... งานที่ทำอยู่เหมือนไม่ใช่ทางของเรา?
เรียนจบมา แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี?
หรืออยากเปลี่ยนสายงาน แต่ก็ยังมองไม่เห็นทิศทาง?
เชื่อว่านี่คือคำถามที่วนเวียนอยู่ในใจของใครหลายคน การเลือกเส้นทางอาชีพเปรียบเสมือนการออกเดินทางครั้งสำคัญ หากไม่มี "เข็มทิศ" ที่ดี เราก็อาจจะหลงทางและเสียเวลาไปกับเส้นทางที่ไม่ใช่
แต่ข่าวดีก็คือ "เข็มทิศ" ที่ดีที่สุดนั้นอยู่ในตัวเราทุกคน เพียงแค่เราต้องรู้วิธีค้นหามันให้เจอ บทความนี้ WorkVenture จะช่วยให้คุณ "รู้จักตัวเอง" ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกงานที่ใช่และมีความสุขได้อย่างแท้จริง
Step 1: ถามใจตัวเองแบบจริงจัง
วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นคือการพูดคุยกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ลองหาเวลาเงียบๆ แล้วเขียนคำตอบของ 3 คำถามนี้ลงบนกระดาษ:
- ฉัน “ชอบ” อะไร? (Passion)
- ลองนึกถึงกิจกรรมหรืองานแบบไหนที่ทำแล้ว "สนุก ไม่รู้สึกฝืน" และเวลาผ่านไปเร็วเสมอ? เช่น ชอบพูดคุยกับผู้คน ชอบคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา ชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือชอบทำงานที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
- ฉัน “เก่ง” เรื่องอะไร? (Strengths)
- นึกถึงทักษะหรือสิ่งที่เคยทำได้ดี ไม่ว่าจะในการเรียน กิจกรรม หรืองานที่ผ่านมา เช่น คุณเป็นคนที่สื่อสารได้ดี วิเคราะห์ข้อมูลเก่ง หรือบริหารจัดการเวลาได้อย่างยอดเยี่ยม
- ฉัน “ให้คุณค่า” กับอะไร? (Values)
- อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตการทำงานของคุณ เงินเดือนที่สูง ความมั่นคง เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือการได้ทำงานเพื่อสังคม ค่านิยมเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็น "ตัวกรอง" ช่วยให้คุณเลือกบริษัทที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความเชื่อของคุณจริง ๆ
Step 2: ใช้แบบทดสอบเป็น "ผู้ช่วย" ค้นหาตัวเอง
หากยังไม่แน่ใจในคำตอบของตัวเอง การใช้แบบทดสอบที่ได้มาตรฐานสามารถช่วยให้เราเห็น "แนวโน้ม" ของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น ลองใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นผู้ช่วยของคุณ
- MBTI (16 Personalities): ช่วยให้เข้าใจบุคลิกภาพและสไตล์การทำงานของตัวเอง
- Holland Code (RIASEC): ช่วยสำรวจความสนใจในกลุ่มอาชีพต่างๆ เช่น ชอบวิเคราะห์, ชอบสร้างสรรค์, หรือชอบช่วยเหลือผู้อื่น
- StrengthsFinder (CliftonStrengths): ช่วยค้นหาจุดแข็งเฉพาะตัวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
- Career Explorer (บน WorkVenture): เครื่องมือที่ช่วยแนะนำสายงานที่ตรงกับความสนใจและทักษะของคุณ
Step 3: ย้อนดูอดีตเพื่อหาคำตอบ
บางครั้งคำตอบที่ดีที่สุดก็ซ่อนอยู่ในอดีตของเรา ลองทบทวนดูว่า
มีงานอาสา กิจกรรม หรือโปรเจกต์ไหนในมหาวิทยาลัยที่คุณทำแล้ว "รู้สึกดี" เป็นพิเศษ?
มีงานอะไรที่คุณ "ทำแล้วลืมเวลา" จนเพื่อนต้องทัก ความรู้สึกเหล่านั้นอาจกำลังบอกใบ้ถึงสิ่งที่คุณรักโดยไม่รู้ตัว
Step 4: ขอ "ฟีดแบ็ก" จากคนรอบตัว
บางครั้งคนอื่นก็มองเห็นศักยภาพในตัวเราได้ชัดกว่าที่เรามองเห็นตัวเอง ลองถามคำถามง่ายๆ กับคนรอบข้างที่ไว้ใจ เช่น เพื่อนสนิท อาจารย์ หรือหัวหน้างานเก่า ว่า "คุณ คิดว่าเรามีจุดเด่นหรือเก่งในเรื่องอะไร" คำตอบที่ได้อาจจะทำให้คุณประหลาดใจและค้นพบจุดแข็งใหม่ ๆ ของตัวเอง
Step 5: ลองแล้วจะรู้! ลงมือเท่านั้นที่จะชี้ชัด
ไม่มีอะไรจะช่วยให้รู้ว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ได้ดีเท่ากับ "การได้ลงมือทำจริง" อย่ากลัวที่จะทดลอง! การฝึกงาน, การเข้าร่วมโครงการจิตอาสา, หรือการรับงานฟรีแลนซ์เล็กๆ คือโอกาสที่ดีที่สุดในการสำรวจตัวเองและได้สัมผัสกับงานจริงๆ โดยตรง
เมื่อรู้จักตัวเองแล้ว... จะ Match กับงานที่ใช่ได้อย่างไร?
เมื่อคุณเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้ว ก็ถึงเวลาใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็น "เข็มทิศ" ในการหางาน
- อ่าน Job Description แล้วเช็กกับตัวเอง: งานนี้ใช้ทักษะที่เราถนัดไหม? มีอะไรท้าทายให้เราได้เรียนรู้และเติบโตเพิ่มขึ้นหรือไม่?
- ดูวัฒนธรรมและค่านิยมของบริษัท: บริษัทนี้ให้ความสำคัญกับสิ่งเดียวกับเราหรือเปล่า? ถ้าคุณให้คุณค่ากับการพัฒนาตัวเอง ก็ควรเลือกบริษัทที่มีโปรแกรม Training ที่ชัดเจน
- อย่ากลัวงานที่ยังไม่เคยทำ: ถ้างานนั้นตอบโจทย์ "สิ่งที่คุณอยากเรียนรู้" และ "สิ่งที่คุณให้คุณค่า" มันอาจจะเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดในการเติบโตของคุณก็เป็นได้
เห็นไหมล่ะ ว่าจริง ๆ แล้วการหางานที่ใช่ ไม่ได้เริ่มจากการไถดูประกาศรับสมัครไปเรื่อยๆ
แต่มันเริ่มจากการถามใจตัวเองว่า...
"เราชอบอะไร?", "เราเก่งเรื่องไหน?", และ "เราต้องการอะไรจากการทำงาน?"
เพราะคำตอบเหล่านี้แหละ คือเข็มทิศที่พาเราไปในทางที่ใช่
ไม่ต้องวิ่งมั่วเปลี่ยนงานวนไป ขอแค่เข้าใจตัวเองก่อน ก็ช่วยประหยัดเวลา และพาให้เราถึงฝันได้ไวกว่าเดิมเยอะเลย