
Networking แบบไม่เขิน: สร้างคอนเนคชันที่ช่วยให้คุณโตไวในสายอาชีพ
ในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน “เก่งอย่างเดียวอาจไม่พอ” การมีทักษะและประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่จะทำให้คุณก้าวกระโดดในสายอาชีพได้เร็วกว่าคนอื่น คือ Networking หรือการสร้างเครือข่าย ความสัมพันธ์ทางอาชีพ ที่มีคุณภาพ หลายคนอาจคิดว่า Networking ต้องเป็นเรื่องของคนขายเก่ง ช่างคุย หรือคนที่เข้าสังคมเก่งอยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนสามารถฝึกได้ และไม่จำเป็นต้อง “เขิน” เลย หากเข้าใจเทคนิคที่เหมาะสม
ตัวอย่างหนึ่งของประโยชน์ในการสร้างคอนเนคชันกับผู้บริหารระดับสากล คือกรณีของ Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft ที่มักเปิดรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทั่วโลก จนสามารถนำมาปรับใช้เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างก้าวกระโดด
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักแนวทาง Networking ที่ใช้ได้จริง โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากพัฒนาตัวเองในสายงาน ไม่ว่าจะใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง LinkedIn หรือการเข้าร่วมงานอีเวนต์ต่างๆ

ทำไม Networking ถึงสำคัญต่อการเติบโตในสายอาชีพ?
ลองคิดดูว่า หากมีตำแหน่งงานใหม่เปิดขึ้นในบริษัท คุณอยากได้ยินข่าวจาก
- ประกาศรับสมัครบนเว็บไซต์ (ซึ่งคนส่งใบสมัครนับพัน) หรือ
- เพื่อนในวงการที่ส่งข้อความบอกคุณว่า “บริษัทเรากำลังหาคนที่ทำด้านนี้อยู่ สนใจลองไหม?”
คำตอบชัดเจน — คนที่มี Networking แข็งแรงมักได้เปรียบกว่าหลายก้าว
ประโยชน์หลักของ Networking:
- สร้างโอกาสใหม่ๆ: งานวิจัยของ LinkedIn เองบอกว่า มากกว่า 70% ของคนที่ได้งานใหม่ มาจาก “การแนะนำ” หรือ คอนเนคชัน ไม่ใช่จากการกดสมัครในระบบ
- แลกเปลี่ยนความรู้: เช่น ถ้าคุณทำสาย Data Science แล้วได้เจอเพื่อนในวงการเดียวกัน คุณอาจได้รู้เครื่องมือใหม่ที่กำลังเป็นเทรนด์ ซึ่งช่วยให้คุณพัฒนาทักษะได้เร็วกว่าการเรียนเอง
- สร้าง Personal Brand: คนที่มีเครือข่ายแข็งแรงมักถูกมองว่า “น่าเชื่อถือ” และ “เข้าถึงง่าย” ทำให้มีโอกาสถูกชวนเข้าร่วมโครงการใหญ่
สุดท้ายแล้ว Networking ไม่ใช่เรื่องจำนวน contact ในมือถือ แต่คือคุณภาพของ คอนเนคชัน และ ความสัมพันธ์ทางอาชีพ ที่ช่วยผลักดันกันและกัน

วิธีการเริ่มต้น Networking แบบไม่เขิน
ตั้งเป้าหมายชัดเจน
เช่น ถ้าคุณทำงานสายการตลาด ลองตั้งเป้าว่าจะเชื่อมต่อกับ CMO หรือ Head of Marketing ของบริษัทใหญ่สัก 3 คนภายในปีนี้ การมีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมทำให้คุณรู้ว่าควรโฟกัสกับใคร
เริ่มจากวงเล็กๆ รอบตัว
เช่น เริ่มจากการขอคุยกับรุ่นพี่ในทีม หรือเพื่อนเก่าที่ไปทำงานอีกบริษัทหนึ่ง แม้จะเป็น คอนเนคชัน ที่ใกล้ตัว แต่บางครั้งนี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่ต่อยอดไปถึงโอกาสใหญ่ได้
ใช้การฟังเป็นเครื่องมือ
สมมติว่าคุณคุยกับวิทยากรในงานสัมมนา แทนที่จะเล่าแต่สิ่งที่คุณทำ ลองถามเขาว่า “อะไรคือความท้าทายที่เจอในงาน?” แล้วฟังจริงๆ การสนใจอีกฝ่ายจะสร้างความรู้สึกเชื่อมโยง และทำให้เขาจำคุณได้
Indra Nooyi อดีต CEO ของ PepsiCo เคยเล่าว่า การให้เวลาในการฟังพนักงานและผู้บริหารคนอื่น ๆ ช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางอาชีพที่ยั่งยืน และทำให้เธอสามารถผลักดันโครงการใหญ่ได้สำเร็จด้วยการสนับสนุนจากทั่วทั้งองค์กร

เครื่องมือในการ Networking
- ปรับโปรไฟล์ให้มืออาชีพ: คนที่มีรูปโปรไฟล์มืออาชีพได้รับการตอบรับ คอนเนคชัน มากกว่าถึง 14 เท่า
- ส่งคำเชื่อมต่อพร้อมข้อความ: เช่น “ยินดีที่ได้ฟังคุณพูดในงาน Tech Conference ครับ ชอบ insight เรื่อง Future of AI มาก เลยอยากเชื่อมต่อไว้แลกเปลี่ยนกันครับ”
- สร้างคอนเทนต์: การโพสต์เล่าประสบการณ์ เช่น “ผมเรียนรู้ 3 อย่างจากการทำโปรเจกต์ X” จะช่วยให้คนในวงการเห็นความสามารถของคุณโดยไม่ต้องโฆษณาตัวเอง
ตัวอย่าง : Elon Musk เคยแชร์ใน LinkedIn ว่าการส่งข้อความและขอ คอนเนคชัน กับวิศวกรที่เขาชื่นชม ทำให้เขาได้ผู้ร่วมงานที่สำคัญต่อ Tesla
- งานอีเวนต์และสัมมนา
- เตรียมตัวล่วงหน้า: ศึกษาว่าวิทยากรสนใจด้านไหน เพื่อเปิดบทสนทนาได้ถูกจุด
- เริ่มจาก small talk ง่ายๆ: เช่น “คุณมางานนี้เพราะสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษคะ?”
- Follow up หลังงาน: ส่งข้อความ LinkedIn เช่น “ดีใจที่ได้คุยเรื่อง Digital Transformation กับคุณในงานเมื่อคืน หวังว่าจะได้มีโอกาสคุยต่อครับ”
ตัวอย่าง : Satya Nadella,CEO ของ Microsoft, เริ่มสร้าง คอนเนคชัน กับผู้บริหารหลายประเทศจากงานสัมมนาเทคโนโลยี ทำให้เขาเข้าใจตลาดและเทรนด์โลกได้เร็วขึ้น
- ออนไลน์ vs ออฟไลน์
- ออนไลน์: เหมาะสำหรับความต่อเนื่อง เช่น การ join community ด้าน UX/UI บน Facebook แล้วแลกเปลี่ยนความรู้กัน
- ออฟไลน์: สร้างความไว้วางใจเร็ว เช่น การเข้าร่วม workshop ที่ต้องทำงานกลุ่ม ทำให้คุณได้รู้จักเพื่อนใหม่แบบเป็นธรรมชาติ
Best practice: ใช้คู่กัน เช่น เจอกันในงานออฟไลน์ แล้วตามด้วยการเชื่อมต่อใน LinkedIn เพื่อรักษา ความสัมพันธ์ทางอาชีพ

Key takeaways – ทำให้ Networking ยั่งยืน ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
Networking ที่มีคุณภาพไม่ใช่การแลกนามบัตรแล้วหายไป แต่คือการสานต่อ คอนเนคชัน ให้ยืนยาว
วิธีดูแลเครือข่าย:
- ส่งบทความหรือข้อมูลที่อีกฝ่ายสนใจ
- อวยพรในโอกาสสำคัญ เช่น เลื่อนตำแหน่ง วันเกิด หรือการได้รางวัล
- นัดเจอกันสั้นๆ เช่น coffee chat 30 นาที เพื่ออัปเดตกัน

สรุป
การเติบโตในสายอาชีพไม่ใช่เรื่องของโชคหรือความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีเครือข่ายที่แข็งแรงหรือไม่ Networking จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณโตไว และมีโอกาสมากกว่าคนอื่น
เริ่มจากสิ่งเล็กๆ เช่น ใช้ LinkedIn อย่างจริงจัง เข้าร่วมงานอีเวนต์ด้วยความตั้งใจ และไม่เขินที่จะคุยกับคนใหม่ๆ หากคุณทำต่อเนื่องและรักษาความสัมพันธ์ทางอาชีพ ห้ยั่งยืน วันหนึ่งคุณจะพบว่าคอนเนคชันที่สร้างไว้ด้วยความจริงใจจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ผลักดันคุณไปสู่ความสำเร็จในอนาคต