ฝ่ายบุคคลและผู้ประกอบการ | 10 June 2025

3 บอส Thunder Express ดูแลลูกทีมยังไงให้สู้ตาย

จากซีรีส์ฮิตติดเทรนด์เนตฟลิกซ์ในตอนนี้ เรื่อง “สงครามส่งด่วน หรือ Mad Unicorn” ที่เล่าเรื่องราวของสันติ เด็กดอยที่มีความฝัน ความทะเยอทะยานที่อยากจะรวยจากการทำธุรกิจ และเพื่อนร่วมงานอย่างรุ่ยเจี่ย เสี่ยวหยู ที่สะท้อนแนวคิดการดูแลพนักงานอย่างลึกซึ้งตลอดทั้ง 7 ตอนของซีรีส์

เรื่องราวของพวกเขาไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องธุรกิจหรือการแข่งขันเท่านั้น แต่เต็มไปด้วยบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการดูแลทีม การสร้างความสัมพันธ์ และการส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนเติบโตไปพร้อมกัน

WorkVenture จะพาคุณสำรวจบทเรียนการดูแลพนักงานจากซีรีส์ ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงในโลกการทำงาน เพื่อสร้างทีมที่เข้มแข็งขึ้นและองค์กรที่ยั่งยืน

.

Thunder Express เปรียบได้กับรถยนต์หนึ่งคันที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของชิ้นส่วนหลัก 3 อย่าง ถึงจะวิ่งไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

  • สันติ (CEO) ทำหน้าที่เป็น “พวงมาลัย” คนกำหนดทิศทางของรถ ทุกการตัดสินใจอยู่ในมือเขา จะพา Thunder Express ไปถึงเส้นชัยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการบังคับพวงมาลัยของเขาคนนี้
  • เสี่ยวหยู (CFO) คือ “เบรก” ของบริษัท ผู้คอยชะลอความเร็วเมื่อเห็นความเสี่ยง และเตือนให้คิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เธอคือคนที่ทำให้รถคันนี้ไม่แหกโค้ง
  • รุ่ยเจี่ย (CTO) เปรียบเสมือน “คันเร่ง” ที่ไม่มีวันแผ่ว ในเวลาที่ทีมสะดุดหรือขาดแรงขับ เธอคือพลังผลักดันให้ทุกคนลุกขึ้นมาสู้ต่อ รุ่ยเจี่ยคือแรงฮึดของทั้งทีม

.

บทเรียนจาก “สันติ แซ่ลี” ผู้นำที่เข้าใจคนมากกว่าตำแหน่ง

  • ฟังมากกว่าสั่ง

สันติอาจไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่เขา “ฟัง” เก่ง เขารับฟังลูกทีมด้วยใจ ไม่รีบตัดสินจากอำนาจ แต่ฟังในเพื่อนร่วมทีม

  • สร้างความไว้ใจ

พนักงานไม่ได้รู้สึกกลัว แต่ “เชื่อใจ” เพราะเขาไม่เคยปล่อยให้ใครรู้สึกลำพัง ถึงไม่ใช่หน้าที่ตรง ๆ เขาก็พร้อมช่วยเสมอ

  • เข้าใจมากกว่าแค่ตัวเลข

เขาไม่ได้มองทีมเป็นแค่ KPI หรือเป้าหมาย แต่เห็นทั้งความเหนื่อย ความพยายาม และสิ่งที่แต่ละคนเจออยู่

  • เป็นผู้นำที่ดี

เขาไม่เพอร์เฟกต์ แต่กล้ายอมรับเมื่อพลาด และยืนเคียงข้างลูกทีมในวันที่พวกเขายังไม่พร้อมยืนลำพัง

แล้วเราดูแลทีมยังไง ?

คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัว แต่เราอาจเริ่มจากการถามตัวเอง เช่น

  • เราฟังพนักงานจริง ๆ หรือแค่รอให้เขาพูดจบ?
  • เราสร้างพื้นที่ให้เขากล้าทำผิดพลาดหรือยัง?
  • เราสนใจความพยายาม หรือสนแค่ผลลัพธ์?

ถ้าเราดูแลทีมด้วยหัวใจแบบสันติ ไม่ต้องพูดเยอะ แต่อยู่ข้าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ลูกทีมจะไม่แค่ทำงานให้เราแต่จะ “เชื่อ” ในตัวเรา

 

บทเรียนจาก “รุ่ยเจี่ย” ผู้นำที่โหดเพราะหวังดี

  • เก่งแต่ไม่วางอำนาจ

ถึงรุ่ยเจี่ยโปรไฟล์แน่นแค่ไหน เขาก็ไม่ใช้ตำแหน่งกดใคร แต่ใช้ช่วยให้ทุกคนทำงานได้ดีขึ้น

  • โหดเพราะอยากให้รอด

ความเข้มงวดของเขาไม่ได้มาจากอีโก้ แต่มาจากความหวังดี ที่อยากให้ทีมไปต่อได้จริง ๆ

  • เหนื่อยแต่ไม่พูด

ทำงานหนัก ทุ่มสุดตัว แต่ไม่เคยบ่นให้ใครฟัง เพราะเขาเชื่อว่าการอยู่ข้างทีม สำคัญกว่าคำพูด

  • ช่วยด้วยมือ ไม่ใช่แค่พูดสั่งอย่างเดียว

ไม่ต้องพูดให้ซึ้ง แต่ลงมือให้เห็น ลูกทีมเลยมั่นใจว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ใครล้มคนเดียว

แล้วเราดูแลทีมยังไง ?

ถ้าเห็นรุ่ยเจี่ยเป็นกระจกสะท้อนตัวเรา บางทีหัวหน้าทีมไม่ต้องนุ่มนวลเสมอไปแค่ “อยู่จริง” และ “จริงใจ” ก็ทำให้ทีมเชื่อใจได้แล้ว

 

บทเรียนจาก “เสี่ยวหยู” คนที่ดูแลทีมด้วยหัวใจ

  • ตั้งใจทำงาน ถึงงานนั้นจะไม่ง่าย

ไม่ว่าจะกดดันแค่ไหน เสี่ยวหยูยังคงมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ และพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

  • ทีมที่ดี เริ่มจากคนที่ใจดี

เสี่ยวหยูสร้างบรรยากาศในทีมให้อบอุ่นและปลอดภัย จนเพื่อนร่วมงานรู้สึกว่าไม่ได้แค่มาทำงาน แต่มี "บ้าน" ให้พึ่งพา

  • พร้อมฟัง พร้อมเปลี่ยนแปลง

เธอเปิดใจรับฟังทุกคำแนะนำ ไม่ยึดติดกับความคิดตัวเอง พร้อมเติบโตไปกับสถานการณ์

  • แบ่งปันมากกว่าผูกขาด

เธอไม่เก็บความรู้ไว้คนเดียว แต่หยิบยื่นให้กับคนอื่นเสมอ เพราะเชื่อว่าทีมที่เข้มแข็งเกิดจากการช่วยกัน

แล้วเราดูแลทีมยังไง ?

ถ้าเราดูแลทีมแบบ “เข้าใจมากกว่าควบคุม” ให้พื้นที่พวกเขาเติบโต แทนที่จะบีบให้เป็นตามแบบเรา

ฟังด้วยใจ ไม่รีบตัดสิน ให้โอกาส ไม่ใช่แค่ให้คำสั่ง เมื่อเรานำด้วยความจริงใจ ทีมจะไม่ได้แค่ “ทำตาม” แต่จะ “เดินร่วม” ไปกับเรา

.

ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงเร็วแบบทุกวันนี้

ผู้นำที่เข้าใจคน เข้าใจทีม และกล้าอยู่เคียงข้างกันจริง ๆ คือ สิ่งที่องค์กรต้องการมากกว่าคำสั่งหรือกลยุทธ์ใด

เพราะสุดท้ายแล้วทีมที่ดีไม่ใช่แค่ทีมที่ “เก่ง” แต่คือทีมที่ “เชื่อใจกัน” และการดูแลกันด้วยหัวใจ คือจุดเริ่มต้นของทุกความสำเร็จระยะยาว

แล้วคุณล่ะ...อยากเป็นผู้นำแบบไหน? ค้นหางานที่ใช่บท WorkVenture ได้เลย

#MadUnicorn #สงครามส่งด่วน #บทเรียนการทำงาน #ดูแลทีมด้วยหัวใจ #WorkVenture