กลายเป็นข่าวครึกโครมไปสักพัก แม้แต่ WorkVenture เองก็ตกใจ (และแอบดีใจด้วย) สำหรับข่าวจากกระทรวงแรงงานของญี่ปุ่น ที่เผยว่าบริษัทร้อยละ 8 ของญี่ปุ่น เริ่มดำเนินการ ให้มีวันหยุด 3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า จาก 10 ปีที่แล้ว และในหลายบริษัทก็เริ่มที่จะลดชั่วโมงการทำงานให้น้อยลง โดยนักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น เนื่องจากพนักงานจะมีเวลาส่วนตัวให้ตนเองและครอบครัวมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนข้อเรียกร้องของชาวญี่ปุ่นในเรื่องของ Work-life balance เนื่องจากญี่ปุ่นถือเป็นชาติที่ประชากรทำงานหนักเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่เริ่มให้มีการหยุดงานเพิ่มขึ้นคือ KFC Holdings Japan โดยในปีงบประมาณที่ 2559 เคเอฟซีญี่ปุ่นปรับลดเวลางานของพนักงานลงเหลือ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และให้พนักงานเลือกได้ว่าจะหยุดงานวันใดบ้างเป็นเวลา 3 วันในแต่ละสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง FAST RETAILING ก็มีโครงการให้หยุดสัปดาห์ละ 3 วันเช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงเรื่องวันหยุดครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะย่านธุรกิจของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังไปถึงย่านต่างๆ นอกเมืองด้วย เช่น สถานปฏิบัติการพยาบาล ในจังหวัดฟุกุโอกะ ก็ได้ริเริ่มให้มีการหยุด 3 วันต่อสัปดาห์แล้ว

ทั้งนี้ การหยุด 3 วันต่อสัปดาห์ เกิดมาจากการที่ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากคนญี่ปุ่นในปัจจุบันทยอยออกจากงานก่อนกำหนดมากขึ้น  ญี่ปุ่นจึงปรับเวลาการทำงาน เพื่อให้คนทำงานเดิมยังคงทำงานกับบริษัทของพวกเขาต่อไป

นอกจากนี้ ในบางบริษัทยังมีแผนระยะยาวที่จะลดชั่วโมงการทำงานลง เหลือแค่ทำงาน 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ภายในปี 2561 โดยตัดการประชุมและงานเอกสารบางอย่างที่ไม่จำเป็นออก ทั้งนี้ยังมีนัยยะของการส่งเสริมการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาของชาวญี่ปุ่นด้วย

เป็นไงกันบ้างคะ สำหรับการสนับสนุนเรื่อง Work-life balance ของญี่ปุ่น เห็นแบบนี้แล้วอยากให้มีในไทยบ้างจัง มีใครเห็นด้วยมั้ยคะ เพราะความเจริญของประเทศชาติ ไม่ได้วัดจากระยะเวลาการทำงาน แต่วัดจากประสิทธิภาพของประชากร