Job search advice | 6 June 2023

4 วิธีพิชิตคำถาม “ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่” ในเวลาสัมภาษณ์งาน

บริษัทที่คุณกำลังจะไปสัมภาษณ์งานนั้น "คาดหวังว่าอย่างน้อยคุณควรจะรู้ข้อมูลของบริษัทมาบ้าง" คำถามยอดฮิตที่มักเจอบ่อยๆเวลาไปสัมภาษณ์งาน  คงหนีไม่พ้น “ทำไมคุณถึงอยากมาทำงานที่นี่” นอกจากจะเป็นคำถามที่ยากแล้ว ยังเป็นคำถามที่วัดไปเลยว่าคุณรู้จักบริษัทมากแค่ไหน คุณต้องทำให้เขาเห็นว่าคุณรู้จักบริษัทมากกว่าข้อมูลพื้นๆ ทั่วไป รู้กระทั่งถึงบทบาทขององค์กรอย่างลึกซึ้งและคุณนี่แหละเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะช่วยให้บริษัทนี้ก้าวหน้าต่อไปได้ นี่คือสิ่งที่ต้องทำ WorkVenture จึงอยากแนะนำ 4 วิธีพิชิตคำถาม “ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”


 

1. แสดงให้บริษัทเห็นว่าคุณเตรียมตัวข้อมูลของบริษัทมาเป็นอย่างดี

คุณควรเตรียมตัวให้พร้อมและใช้คำถามนี้เป็นโอกาส เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณค้นคว้าข้อมูลของบริษัทมาเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่สำคัญเวลาตอบคำถาม คุณต้องแน่ใจว่าข้อมูลที่คุณได้มานั้นเป็นปัจจุบันและมันเชื่อมโยงกับคำถามที่คุณถูกถาม 

อาจพูดถึงความสำเร็จของบริษัทหรือแผนการขยายธุรกิจที่คุณรับรู้มา รวมถึงพูดไปด้วยว่า คุณจะมีส่วนช่วยให้บริษัทไปถึงความสำเร็จได้อย่างไร การที่เรารู้ข้อมูลของบริษัทและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอย่างลึกซึ้ง ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะมันจะช่วยให้คุณดูโดดเด่นขึ้นมา เช่น

 

  • บริษัทเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียง จึงทำให้อยากเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาให้บริษัทนั้นมีชื่อเสียงยิ่งขึ้นไปอีก
  • เป็นบริษัทที่ดูแลพนักงานเป็นอย่างดี สวัสดิการต่างๆ ที่มอบให้แก่พนักงาน ถือเป็นการดูแลพนักงานที่จะดึงดูดคนเก่งๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาทำงานกับบริษัท

  • บริษัทมีประวัติการทำงานที่มั่งคง ยาวนาน บริษัทที่ทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า บริษัทนั้นมีการบริหารงานที่ดีและมีความมั่นคง

  • เป็นบริษัทที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ หลายๆ บริษัทในปัจจุบัน มีแนวทางในการคัดเลือกพนักงานที่มีศักยภาพ มากกว่าอายุ หรือวุฒิการศึกษา และคนรุ่นใหม่ จะมีมุมมอง หรือทัศนคติใหม่ๆ ที่เปิดกว้าง

ขอแนะนำเพิ่มเติมว่า ให้คุณใช้ผลงานที่ตัวเองเคยทำมานั้นเป็นตัวช่วย เพื่อเสนอให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจว่า ผลงานที่คุณเคยทำได้ จะช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

 


 

2. เชื่อมโยงแรงผลักดันในการทำงานของคุณกับคุณสมบัติของงาน

บางครั้งคุณอาจจะเจอคำถามว่าอะไรเป็นแรงผลักดันให้คุณทำงานได้ดีหรือว่ามองแค่เงินเดือน นี่แหละคือโอกาสอีกครั้ง ที่คุณจะได้อธิบายว่าทำไมถึงต้องเป็นงานที่นี่เท่านั้น ไม่ใช่งานที่บริษัทไหนก็ได้ คุณเคยสังเกตหรือไม่ว่า คนที่ใช้เงินเป็นแรงผลักดันในการทำงานเพียงอย่างเดียว มักจะประสบความสำเร็จช้ากว่าคนที่ทำงานด้วย Passion แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ตามมาก็จะดีไปด้วย ค้นหาทางที่ใช่สำหรับคุณและหาแรงบันดาลใจในการทำงานที่แท้จริง และเผยสิ่งนั้นออกมาให้ผู้สัมภาษณ์ได้เห็น เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ ก่อนจะรับคุณเข้าทำงาน

ถ้าคุณอยากได้งานนี้ คุณต้องพยายามแสดงศักยภาพออกมาให้มากที่สุดหาให้เจอว่าอะไรคือสิ่งที่ดึงดูดให้คุณสนใจงานนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอะไรที่จะช่วยให้คุณตรงใจ ผู้สัมภาษณ์มากที่สุด ซึ่งในจุดนี้เอง คุณต้องพยายามสื่อสารให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจให้ได้มากที่สุด ว่าทำไมงานนี้ถึงเหมาะกับแรงบันดาลใจในการทำงานของตัวคุณ เตรียมตัวมาให้พร้อมที่สุด พยายามเชื่อมโยงประเด็นทั้งหมดเข้าด้วยกัน

 


 

3. ระวังการประจบประแจงที่มากเกินไป 

งานที่คุณเข้าสัมภาษณ์ อาจจะเป็นงานที่คุณใฝ่ฝันอยากจะทำ แต่การที่พูดโอ้อวดหรืออวยงานจนมากเกินไป อาจทำให้คุณหมดหวังเอาง่ายๆ ไม่มีงานไหนที่มันเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง ฉะนั้นถึงแม้ว่างานนี้คุณจะอยากทำมากแค่ไหน ก็พูดถึงให้อยู่ในความพอเหมาะพอดี แค่ทำให้บริษัทเห็นว่าตำแหน่งนี้มันเหมาะกับคุณจริง ๆ เท่านั้นพอ

 

4. อย่าพูดถึงแรงบันดาลใจในการทำงานที่มันน่าเบื่อ

เข้าใจว่าคุณอาจจะอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ แต่ ผู้สัมภาษณ์ต้องการจะรู้ถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรจะหลีกเลี่ยงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเงินเดือน ช่วงเวลาพักหรือว่าความน่าเบื่อจากงานเก่าที่คุณเจอมา ซึ่งประเด็นเหล่านี้ก็จะทำให้ผู้สัมภาษณ์งานมองคุณแง่ลบทันที พยายามย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอถึงการเชื่อมโยงงานที่คุณเคยทำกับงานที่คุณกำลังสัมภาษณ์อย่างมีเหตุผล และให้บริษัทเห็นภาพมากที่สุด นอกจากนี้การเตรียม Resume โดยลบสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เช่น แรงบันดาลใจในการทำงาน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณสามารถเตรียมตัวก่อนไปสัมภาษณ์ได้



 


อ่านจนจบแบบนี้แล้ว คุณผู้อ่านชาว WorkVenture คงจะรู้แล้วล่ะ ว่าการสัมภาษณ์งานนั้นมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ อยู่ ดังนั้นอย่าลืมนำไปใช้ในการสัมภาษณ์งานครั้งหน้าด้วยล่ะ เพราะอาจจะปริ่มกับผลลัพธ์ และได้งานที่ใช่ อย่างตรงใจ