ไทยเบฟ หรือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน เจ้าของธุรกิจสินค้าบริโภคขึ้นชื่อในเครือมากมาย ตั้งแต่เครื่องดื่มไปจนถึงอาหารที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม

แต่นั่นยังไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ไทยเบฟก้าวขึ้นมาเป็นองค์กรระดับแนวหน้าได้ หากขาดเรื่องการสร้างคนผ่านการใช้ “Coaching Culture” ซึ่งเป็นวิธีการพัฒนาบุคลากรอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไทยเบฟที่ผลักดันให้ ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร ไปคว้ารางวัลระดับนานาชาติอย่าง Marshall Goldsmith Outstanding Coaching Leader Award 2023 for Thailand ที่จะมอบให้กับผู้บริหารองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการพัฒนาบุคลากรด้วยการ Coaching มาได้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้  ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม อีกทั้งไทยเบฟยังเป็นองค์กรแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ด้วย
 

คงสงสัยกันแล้วใช่ไหมว่า Coaching Culture ของไทยเบฟแตกต่างกับที่อื่นอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่ผลักดันความสำเร็จ Coaching Culture ของไทยเบฟให้มาไกลระดับโลกได้ขนาดนี้ WorkVenture มีคำตอบให้ทุกคน

เมื่อพูดถึงการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรแล้ว โดยทั่วไปเรามักจะยึดโยงเรื่องนี้เข้ากับการทำงานของฝ่ายบุคคลหรือฝ่าย Human Resource (HR) ที่ส่วนใหญ่ทำหน้าในเรื่องของการสรรหา จัดหาพนักงานใหม่ วางแผนพัฒนาพนักงานปัจจุบัน ไปจนถึงการทำหน้าที่อื่น ๆ แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท 

ทว่าสำหรับไทยเบฟ การจัดการด้านบุคลากรมีมากกว่านั้น เพราะในปัจจุบันที่นี่ได้พยายามปรับมุมมองการทำงานของ HR ให้กลายเป็น HC หรือ Human Capital ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้พัฒนาศักยภาพและเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ด้วย Coaching Culture ซึ่ง ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กรของไทยเบฟและยังเป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัล ได้ยืนยันว่านี่คือหนึ่งในจุดแข็งและ DNA ของไทยเบฟ ที่ผู้บริหารทุกคนมีและพร้อมส่งต่อให้กับพนักงานรุ่นต่อ ๆ ไป 
 

โดยหัวใจของ Coaching Culture สไตล์ไทยเบฟนั้นมีอยู่ 3 สิ่ง ประกอบไปด้วย

• การสื่อสาร ที่ไทยเบฟเปิดกว้างเรื่องความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ให้ทุกคนได้ตั้งคำถาม แลกเปลี่ยนไอเดียกันอย่างสร้างสรรค์โดยไม่ปิดกั้น พร้อมการสนับสนุนจากระดับผู้บริหารที่ได้รับการรับรองและอบรมเรื่องการ Coaching มาเป็นอย่างดีจนสามารถถ่ายทอดให้กับพนักงานรุ่นใหม่ได้อย่างไม่ติดขัด
• ความเข้าใจ ที่ไทยเบฟตั้งใจสร้างบรรยากาศการ Coaching ให้เปิดกว้างและสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานด้วย One-on-One Communication Culture ส่งเสริมการพูดคุย ให้กำลังใจซึ่งกันและกันตลอดการทำงานไปจนถึงการแก้ปัญหาทั้งเรื่องงานและเรื่องอื่น ๆ
• การส่งต่อ นอกเหนือจากการสร้างความสัมพันธ์ภายในให้แข็งแกร่งด้วยการ Coaching ที่ทุกคนกล้าที่จะพูดคุย แบ่งปัน เพื่อเติบโตไปด้วยกัน การส่งต่อวัฒนธรรมนี้สู่สังคมอื่น ๆ เช่น น้อง ๆ นิสิต นักศึกษาฝึกงานโครงการ ThaiBev Internship ก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของไทยเบฟที่พร้อมจะปลดล็อกศักยภาพของทุกคนด้วยการ Coaching and Mentoring เพื่อสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพและช่วยขับเคลื่อนองค์กรและประเทศชาติต่อไป

นอกเหนือจากเรื่องของการ Coaching Culture ที่ไทยเบฟขัดเกลาให้กับพนักงานทุกระดับมาโดยตลอด โดยเฉพาะกับเหล่าผู้บริหารกว่า 1000 คนที่จะช่วยส่งต่อ DNA นั้นให้กับเหล่าคลื่นลูกใหม่ขององค์กร ก็ยังมีเรื่องของการให้โอกาสเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด และการเป็นองค์กรที่ไม่หยุดพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของโลกที่ ดร.เอกพล เชื่อมั่นว่าไทยเบฟจะสามารถวางแผน ต่อยอดการทำงาน และไขว่คว้าโอกาสใหม่ ๆ ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การ Upskill และ Reskill เท่านั้น และนำมาผสมผสานกับโอกาสปัจจุบันในการพัฒนาองค์กร ไปพร้อมกับพนักงานที่ไทยเบฟยกให้เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะทำให้องค์กรได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดนั่นเอง
 

การก้าวขึ้นมาเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแง่ของการพัฒนาพนักงานด้วยการ Coaching เป็นก้าวความสำเร็จที่การันตีว่า หากคุณได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไทยเบฟแล้ว ก็จะได้รับการส่งต่อ DNA ความเป็นผู้นำของไทยเบฟที่จะทำให้ชีวิตการทำงานของคุณก้าวหน้าได้อย่างใจหวังและมีความสุขอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งพนักงานประจำ หรือการฝึกงานที่ตอนนี้เขาเปิดรับสมัครอยู่หลายตำแหน่ง ถ้าพร้อมแล้วที่จะเติบโตไปกับไทยเบฟ ก็เช็กตำแหน่งว่างและสมัครงานมาได้เลย ที่นี่