ถ้าพูดถึง “โอสถสภา” เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักบริษัทผู้ผลิตแบรนด์สินค้าที่อยู่คู่คนไทยมาหลายยุคสมัย จากความสำเร็จของพนักงานรุ่นแรก สู่ความมุ่งมั่นของพนักงานรุ่นปัจจุบัน เพื่อส่งไม้ต่อให้กับคนรุ่นใหม่ว่าที่พนักงานในอนาคต ที่โอสถสภาได้พิสูจน์แล้ว ด้วยการติดอันดับโพล สุดยอด 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด ถึงสองปีซ้อน วันนี้ WorkVenture จะมาเปิด 10 ข้อที่น่าสนใจของโอสถสภาให้คุณได้มาหาคำตอบไปด้วยกันว่า ทำไมเด็กรุ่นใหม่ถึงเลือกให้โอสถสภาเป็นบริษัทในฝัน

 

1. ประวัติองค์กร 132 ปีที่ตั้งใจส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้ครอบครัวคนไทยทุกคน

จากร้านขายยาต้นตำรับ ยากฤษณากลั่น ในปีพ.ศ. 2434 โดยนายแป๊ะ แซ่ลิ้ม ต้นตระกูลโอสถานุเคราะห์สู่การเป็นบริษัทมหาชนในปีพ.ศ. 2561 ภายใต้ชื่อ “OSP” ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในประเทศไทย

 

 

เป็นเวลากว่า 130 ปีที่โอสถสภาได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เอาชนะความไม่แน่นอนและความท้าทายในหลายช่วงวิกฤต ตลอดจนถึงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยความยืดหยุ่น เราสามารถผ่านพ้นในทุกวิกฤต ขยายกิจการและสร้างการเติบโตในตลาดอย่างต่อเนื่องพร้อมที่จะขยายองค์กร เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนในอนาคตรวมถึงการเป็นบริษัทอุปโภคบริโภคที่ดีที่สุดในประเทศไทยผ่าน 5 พลังที่มุ่งเสริมสร้างชีวิต ได้แก่ พลังเพื่อผู้บริโภค พลังเพื่อพันธมิตรทางธุรกิจ พลังเพื่อผู้ถือหุ้น พลังเพื่อชุมชนและสังคม และพลังเพื่อพนักงาน

 

 

2. โลเคชั่นและการเดินทาง มาทำงานง่าย ๆ ที่จอดรถพร้อม รถโดยสารสาธารณะเพียบ

ออฟฟิศของโอสถสภาตั้งอยู่แถวถนนรามคำแหงที่การเดินทางนั้นง่ายแสนง่าย จะมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ลงทางด่วนศรีนครินทร์ - พระราม 9 แล้วมาจอดรถฟรีในจุดที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้พนักงานอย่างเพียงพอ

ใครเป็นสายนั่งรถเมล์ก็ไม่ต้องรอจนเมื่อย เพราะมีทั้งรถเบอร์ 60ก., 137 ปอ., 71 และอีกหลายสายที่วิ่งผ่าน ทั้งยังสามารถขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมาลงสถานีแยกสำลี และแอบกระซิบว่าพอรถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดก็จะสามารถนั่งมาออฟฟิศของโอสถสภาได้โดยลงที่สถานี กกท. หรือจะนั่งเรือมาแล้วลงท่ารามคำแหงก็สะดวกไปอีกแบบ

หากมาจากต่างจังหวัดก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่พักอาศัย เพราะมีคอนโดตามแนวรถไฟฟ้ามากมายให้เลือกสรรมากมาย หากใครอยากประหยัดลงมาหน่อยก็มีหอพักในละแวกออฟฟิศที่ราคาสบายกระเป๋า เรียกได้ว่าสะดวกสบายต่อทั้งการเดินทางและอยู่อาศัยเลยทีเดียว

 

 

3. จุดเช็คอินใกล้ออฟฟิศ แลนด์มาร์คครบครัน สนับสนุนทุกไลฟ์สไตล์

ไม่ว่าจะเป็นคนสายไหน รอบออฟฟิศของโอสถสภาก็มีจุดเช็คอินมากมายที่ตอบโจทย์ความหลากหลายทางไลฟ์สไตล์ของพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะร้านกาแฟ ร้านอาหารชื่อดัง ตลาดนัดสำหรับสายคาเฟ่หรือสายตะลุยกิน สนามราชมังคลากีฬาสถาน สายออกกำลังกายจะต้องถูกใจ อีกทั้งยังอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าอย่าง The Nine พระรามเก้า คอมมิวนิตี้มอลล์และเดอะมอลล์ บางกะปิ หากคุณอยากมีชีวิตที่ครบและลงตัวแบบนี้ ต้องทำงานที่โอสถสภาเท่านั้น :)

 

 

 

4. อาหารและเครื่องดื่มพร้อมบริการที่ Employee Lounge และ Canteen ในราคามิตรภาพ

หมดห่วงเรื่องความหิวในเวลาทำงานเมื่อโอสถสภาเข้าใจดีว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ภายในออฟฟิศจึงมี Employee Lounge (Hidden terrace) ที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้บริการพนักงานอย่างครบครัน หรือใครเดินทางมาถึงออฟฟิศแต่เช้าแล้วไม่รู้จะไปไหน ก็แวะมาที่ Canteen ที่มีของอร่อยคอยเสิร์ฟในราคามิตรภาพ ตั้งแต่ 7 โมงเช้า นอกจากนี้ยังมีตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ และมุมพักผ่อนในออฟฟิศที่สามารถไปคลายเครียดได้ทุกเมื่อ

 

 

5. รูปแบบการทำงานส่งเสริมโลกยุค Digital กับ Hybrid Working

โอสถสภาทำงานแบบ Hybrid Working ให้พนักงานและหน่วยงานจัดสรรวันและเวลาทำงานได้ตามลักษณะงาน เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการทำงาน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้พนักงานได้เติมเต็ม Passion สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ได้อย่างไม่จำกัด และยังมี Inspiration Day ที่ส่งเสริมให้ทุกวันศุกร์เป็นวันปลอดการประชุม เพื่อใช้เวลาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทที่จัดให้ ตลอดจนถึงเคลียร์งานต่าง ๆเพื่อเตรียมตัวลุยงานในสัปดาห์ต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานได้มี Work-Life Balance ของการทำงานอย่างเหมาะสม

นอกจากการทำงานแบบ Hybrid Working การใช้ Agile - Scrum ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการทำงานที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ที่รวดเร็ว เน้นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าขั้นตอน ด้วยการนำพนักงานจากส่วนงานต่าง ๆ มาทำงานร่วมกันเป็นทีม (Cross-functional Team)  ทำให้พนักงานเกิดการเรียนรู้ เปิดมุมมองใหม่ ๆ

 

 

โอสถสภาให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกระบวนการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยฝึกอบรมให้พนักงานเข้าใจการใช้เครื่องมือดิจิทัลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานอย่าง Microsoft Office, Microsoft Teams, Microsoft Power BI, Microsoft Power Apps และ ERP เป็นต้น ทำให้มีโครงการนวัตกรรมมากกว่า 30 โครงการจากฝีมือของพลเมืองดิจิทัลที่โอสถสภาปั้นมาอย่างดี นำไปสู่ความสำเร็จและรางวัลมากมาย เช่น Thailand Digital Transformation Award 2565 อีกทั้งมีการจัดโครงการ “โอสถสภา ดิจิทัล  คลับเฮาส์” ที่เป็นศูนย์กลางทรัพยากรความรู้ ผู้คน และ “Digital Citizens” ที่จัดอบรมเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลเฉพาะตัวบุคคล ควบคู่ไปกับการให้พนักงานเรียนรู้เพื่อป้องกันปัญหาและภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี ผลักดันให้องค์กรเต็มไปด้วยพลเมืองดิจิทัลระดับคุณภาพพร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับอนาคต

 

 

6. สิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ทันสมัย เข้าใจการทำงานของคนรุ่นใหม่

โอสถสภาตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลด้วยออฟฟิศแบบ Open Plan เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานสไตล์ใหม่ที่ไม่มีโต๊ะประจำให้กับพนักงาน เพราะทุกคนมีอิสระในการเลือกที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ จะนั่งกับเพื่อนในหน่วยงานหรือต่างหน่วยงานก็ย่อมได้ ด้วยการจองโต๊ะทำงานผ่าน Application อีกทั้งออฟฟิศยังมีการออกแบบและใช้สีแตกต่างกันไปในแต่ละตึก ทำให้มีความโดดเด่น ทันสมัย มองทีไรก็ไม่เบื่อ ทั้งยังก่อให้เกิดความรู้สึกอยากมาทำงานของพนักงานและกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ภายในออฟฟิศยังถูกออกแบบโดยมีพนักงานเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นห้องโทรศัพท์สำหรับพนักงาน ห้องประชุมที่มีหลายขนาด ห้องให้นมบุตรที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูง มีการเตรียมเก้าอี้และโต๊ะทำงานที่ปรับได้ตามสรีระเพื่อสุขภาพที่ดีของพนักงาน พร้อมการจัดแสงไฟและเสียงให้เอื้อต่อการทำงาน นอกจากนี้ยังมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เก้าอี้ทำงาน โทรศัพท์มือถือจากบริษัทฯ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกสำหรับการ ตามลักษณะงานให้พนักงานสามารถทำงานได้ตามความยืดหยุ่นของแต่ละส่วนงาน

 

 

7. สวัสดิการและอื่น ๆ ครอบคลุมทุกด้านของชีวิตไปจนถึงคนที่คุณรัก

เพราะพนักงานคือ หัวใจขององค์กร โอสถสภาจึงจัดสวัสดิการที่ตอบโจทย์พนักงานทุกเพศ ทุกวัย มีสวัสดิการทางเลือกที่เป็น Flexible Benefits ให้พนักงานได้เลือกแผนที่เหมาะกับตัวเอง และสามารถเปลี่ยนแปลงแผนสวัสดิการที่เลือกไว้ในทุกปี นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการด้านอื่น ๆ อีก เช่น

ในด้านการทำงาน ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่ที่ออฟฟิศหรือ Work from Anywhere โอสถสภาก็มีเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ เช่น การใช้โปรแกรม MS Teams สำหรับติดต่อประชุมงานทางไกล,  O-In1 แอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์, OSP life เชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในแอปเดียว, ลดการทำงานเอกสารด้วย e-form รวมถึง Office Smart Service Request และยังมีโต๊ะทำงานส่วนกลาง (Hot Desk) ในออฟฟิศไว้รองรับพนักงานทุกคน เน้นความยืดหยุ่นเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำงานเป็นหลัก นอกจากนี้ โอสถสภาให้ความสำคัญกับรูปแบบการจ้างงานที่มีหลากหลายรูปแบบตามลักษณะงาน ไม่บิดกั้น จึงตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่ม

ในด้านสุขภาพ มีสวัสดิการคุ้มครองทั้งแบบผู้ป่วยใน (IPD), ผู้ป่วยนอก (OPD) การตรวจสุขภาพประจำปีที่มีการตรวจในหัวข้อที่เพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงของลักษณะงาน ประกันชีวิต และประกันสุขภาพซึ่งครอบคลุมถึงสุขภาพจิตใจ นอกจากนี้หากพนักงานรู้สึกป่วยในวันทำงานก็สามารถแวะไปห้องพยาบาลในออฟฟิศซึ่งดูแลโดยแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งและพยาบาลได้เลย ในกรณีของพนักงานที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล บริษัทยังมีของเยี่ยมแทนความห่วงใยส่งตรงถึงห้องพัก  นอกจากเรื่องของการรักษาสุขภาพแล้ว บริษัทยังส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยมีบริการห้องฟิตเนสที่ให้บริการฟรี พร้อมเทรนเนอร์ให้คำปรึกษาด้วย

ในด้านครอบครัวและการเงิน โอสถสภาก็ให้ความสำคัญไม่แพ้ใคร เริ่มจากเงินช่วยเหลือการสมรส ของขวัญแสดงความยินดีบุตรคนแรกของพนักงาน และทุนการศึกษาให้แก่บุตรพนักงานเพื่อแบ่งเบาภาระด้านการศึกษา โดยดูแลตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี อีกทั้งยังมีเงินช่วยเหลือกรณีที่พักอาศัยประสบภัยพิบัติ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัท การส่งเสริมการออมและโครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย แถมคุณยังสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ของบริษัทได้ในราคาพิเศษ เรียกว่าคลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตและครอบครัวไปได้เลย

ในด้านความผูกพันในองค์กร โอสถสภาสนับสนุนให้พนักงานมีความสุข เสริมสร้างคุณภาพชีวิต กับการทำงานอย่างมีความสุข เพราะพนักงาน คือ หัวใจขององค์กร จึงจัดตั้ง สโมสรพนักงานโอสถสภา ที่มีชมรมมากกว่า 13 ชมรม ให้พนักงานได้ร่วมสนุก สายกิจกรรมต้องห้ามพลาด เช่น ชมรมจักรยาน ชมรมวิ่ง ชมรมถ่ายภาพ ท่องเที่ยวต่างประเทศในราคาพิเศษ อีกทั้งยังมีการแจกของรางวัลในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอทองคำ Gift voucher ของฮิตติดเทรนด์ เป็นต้น

เรียกได้ว่าพอทำงานที่โอสถสภาจะได้สวัสดิการรอบด้านที่ครบจบในที่เดียวเชียวล่ะ

 

 

8. โอกาสเติบโต โอสถสภาทำให้คุณไม่หยุดพัฒนา พร้อมการสนับสนุนอีกมากมาย

เป็นพนักงานโอสถสภา ถ้าไม่ได้พัฒนาตัวเองก็ให้รู้ไป เพราะบริษัทผลักดันเพื่อให้พนักงานได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และทักษะภาษาต่างประเทศให้เท่าทันโลกยุคปัจจุบันผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ของโอสถสภาอย่าง “OSP Academy” ที่เข้าเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา โดยมุ่งเน้นปลูกฝัง 4 แนวคิดในการเรียนรู้ให้กับพนักงาน คือ ใฝ่เรียนรู้ (Learn) ทลายกรอบการเรียนรู้เดิม (Unlearn) เรียนรู้สิ่งใหม่ (Relearn) และพัฒนาตัวเองเพื่อยกระดับและสนุกกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) 

ไม่ใช่แค่การเรียนรู้ภายในห้องเรียนเท่านั้น แต่โอสถสภายังจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) ในสัดส่วน 70-20-10 คือการเรียนภายในห้องเรียน เรียนผ่านระบบ E-learning การฝึกสอน และการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ที่จะนำความรู้และทักษะหลาย ๆ อย่างมาจัดเต็มอัดแน่น ให้กับพนักงาน

ที่โอสถสภาสนับสนุนให้พนักงานได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่เพื่อการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำองค์กรในอนาคตภายใต้โปรแกรม Sucess Made By You ที่จะขัดเกลาให้คุณเป็นผู้นำในแบบที่อยากเป็น ผ่านการทำงานจริงกับผู้บริหารที่พร้อมจะส่งต่อ DNA ความกล้าคิด กล้าทำ และพลังสร้างสรรค์ให้กับคุณต่อไป

 

 

9. วิสัยทัศน์ และ ค่านิยมองค์กร

โอสถสภากับวิสัยทัศน์ “พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต" (Power to Enhance Life) เป็นองค์กรที่มุ่งเสริมสร้างชีวิตให้แก่ผู้บริโภคและสังคมด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ทันสมัยโดยมีวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นผลสำเร็จในการดำเนินงานที่เป็นเลิศและยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีพนักงานทุกคนเป็นพลังในการขับเคลื่อน

และค่านิยมองค์กร แบบ ITIPS ซึ่งประกอบด้วย Integrity การมีคุณธรรมและความรับผิดชอบ, Teamwork การทำงานเป็นทีม, Innovative Thinking ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์, Passion to Win มุ่งมั่นคว้าชัยชนะ และ Sustainable Living ยึดมั่นและมีจิตสำนึกด้านความยั่งยืน ซึ่งส่งผลให้สามารถบริหารทรัพยากรบุคคลแบบองค์รวม สร้างองค์กรแห่งความสุข พัฒนาพนักงานให้มีความรู้ความสามารถ ปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความคล่องตัว เสริมสร้างวัฒนธรรมและบรรยากาศการทำงานที่ดี

 

 

10. สินค้าและธุรกิจ แบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียง อยู่เคียงคนไทยมาอย่างยาวนาน

รู้หรือไม่ ผลิตภัณฑ์ของโอสถสภาในปัจจุบันครอบคลุมการใช้ชีวิตของคนไทยตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงของใช้ส่วนบุคคลในชีวิตประจำวัน หากหยิบขึ้นมาสักแบรนด์นึง คุณต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังให้บริการผลิตสินค้าและบรรจุภัณฑ์ (OEM)  และธุรกิจให้บริการเทคโนโลยีทางการตลาด ซึ่งในปัจจุบันฐานการผลิตของโอสถสภามีถึง 5 ที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

ภายใต้กลยุทธ์เสาหลัก 3+1 คือ ธุรกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเหล่าพนักงานผู้เป็นพลังสำคัญในการส่งมอบโอกาสที่เท่าเทียมและการยอมรับในความหลากหลาย เพื่อการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน พร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ
 

คงได้คำตอบแล้วใช่ไหมว่าทำไมคนรุ่นใหม่ต่างก็โหวตให้โอสถสภาเป็นบริษัทในฝันถึงสองปีซ้อน ทั้งการทุ่มสุดตัวเรื่องความเป็นอยู่และความก้าวหน้าของชีวิตรอบด้านของพนักงานอย่างไม่มีกั๊กแบบนี้ จะใครบ้างล่ะที่ไม่อยากร่วมงานกับโอสถสภา? หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโอกาสในการเติบโตอย่างเต็มที่ในสภาพแวดล้อมที่ดีเหนือคำบรรยาย โอสถสภาก็เป็นคำตอบสุดท้ายที่ใช่!! สำหรับคุณแน่นอน คลิกเลย