Career advice | 1 July 2025

Pit Stop HR: เสริม Performance พนักงานเร็วแรง แบบทีม F1

กระแสของเกมการแข่งขัน Formula 1 พุ่งทะยานไปอีกขั้น ด้วยการมาถึงของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ได้นักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง แบรด พิตต์ (Brad Pitt) มารับบทนำเป็น ซอนนี่ เฮยส์ (Sonny Hayes)  และอำนวยการสร้างโดยตำนานอย่าง เจอร์รี บรักไฮเมอร์ และ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัย ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปสัมผัสเบื้องหลังความเร็ว, ความเสี่ยง, และชัยชนะที่น่าทึ่ง แต่คำถามสำคัญคือ...อะไรคือเคล็ดลับที่แท้จริงของความสำเร็จเหล่านั้น?

คำตอบไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์ที่แรงที่สุดหรือแอโรไดนามิกส์ที่ล้ำที่สุดเพียงอย่างเดียว เบื้องหลังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์นี้ คือเรื่องราวของ วัฒนธรรมองค์กร, Performance พนักงาน ที่ถูกเคี่ยวกรำ, และ Feedback พนักงาน ที่เฉียบคมในทุกเสี้ยววินาที มันคือเรื่องราวของ ทีม F1 ที่แท้จริง

ในขณะที่คนทั่วโลกกำลังจะตื่นเต้นไปกับเรื่องราวบนจอเงิน บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้นำและ HR ที่จะไม่ได้เป็นแค่ผู้ชม แต่จะเป็น "ผู้กำกับ" ที่สร้างเรื่องราวแห่งความสำเร็จนั้นให้เกิดขึ้นจริงในองค์กรของคุณเอง เราจะทิ้งกระบวนการที่อุ้ยอ้าย แล้วหันมาสร้าง "Pit Stop HR" ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูง ที่จะช่วยเสริม Performance พนักงาน ให้เร็วแรงเหมือน ทีม F1 ที่พร้อมคว้าแชมป์ในทุกสนามแข่งขัน

 


 

การขับรถโดยมองกระจกหลัง: เจาะลึกความล้มเหลวของ Performance Management แบบเดิม

 

Is Brad Pitt's F1 Based On A True Story?ที่เราจะสร้างอนาคต เราต้องเข้าใจอดีตอย่างถ่องแท้ ในขณะที่สื่ออย่างภาพยนตร์เรื่องใหม่ทำให้ภาพของ ทีม F1 ดูเต็มไปด้วยประสิทธิภาพและความแม่นยำ, ความจริงในหลายองค์กรกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ระบบการประเมินผลประจำปีเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางไม่ให้องค์กรของคุณทำงานได้เหมือน ทีม F1 ที่เราเห็น มันเต็มไปด้วยอคติและข้อบกพร่องที่ทำลาย Performance พนักงาน และบั่นทอน วัฒนธรรมองค์กร ที่ดี

 

1. สนามที่เต็มไปด้วยอคติ (Bias) ที่ทำลายความยุติธรรม

ระบบเก่าคือแหล่งเพาะพันธุ์อคติชั้นดีที่ทำให้การประเมินผลคลาดเคลื่อน:

  • อคติจากความทรงจำล่าสุด (Recency Bias): ผู้จัดการมักจดจำผลงานในช่วง 1-2 เดือนสุดท้ายได้ดีที่สุด ทำให้ Performance พนักงาน ที่ยอดเยี่ยมเมื่อ 10 เดือนก่อนอาจถูกลืมเลือนไป นี่ไม่ใช่การประเมินผลที่ยุติธรรม และไม่ใช่สิ่งที่ ทีม F1 ซึ่งใช้ข้อมูลเป็นหลักจะทำ การให้ Feedback พนักงาน แบบนี้จึงไม่สะท้อนความจริง

 

  • อคติจากการเหมารวม (Halo/Horns Effect): หากพนักงานทำโปรเจกต์หนึ่งได้ดีเยี่ยม ผู้จัดการอาจเหมารวมว่าเขาเก่งทุกด้าน (Halo Effect) หรือในทางกลับกัน หากทำพลาดครั้งใหญ่ครั้งเดียว ก็อาจถูกมองในแง่ลบไปเสียทุกเรื่อง (Horns Effect) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการประเมิน Performance พนักงาน ที่เป็นธรรม

     

  • อคติจากการเข้าข้างคนคล้ายกัน (Similarity Bias): ผู้จัดการมีแนวโน้มจะให้คะแนนพนักงานที่มีพื้นเพ ทัศนคติ หรือสไตล์การทำงานคล้ายกับตนเองสูงกว่าคนอื่น สิ่งนี้ทำลายความหลากหลายและปิดกั้นการเติบโตของ วัฒนธรรมองค์กร

 

  • อคติจากการเปรียบเทียบ (Contrast Effect): หากผู้จัดการเพิ่งประเมินพนักงานที่ผลงานโดดเด่นมากไป พนักงานคนถัดไปที่มีผลงานดีในระดับมาตรฐาน อาจถูกมองว่าผลงานแย่กว่าความเป็นจริงโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

2. Feedback ที่ช้าและไร้ค่า: ข้อมูลที่ใช้การไม่ได้

การให้ Feedback พนักงาน ในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 เดือนก่อน ไม่ต่างอะไรกับการบอกนักขับ ทีม F1 ว่าพลาดโค้งไหนหลังจากจบฤดูกาลไปแล้ว มันไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง พนักงานไม่สามารถนำข้อมูลนั้นมาปรับปรุง Performance พนักงาน ได้ทันท่วงที ทำให้โอกาสในการเรียนรู้และเติบโตหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย ข้อมูลที่ควรจะเป็นประโยชน์กลับกลายเป็นเพียงเอกสารเก่าเก็บที่ไม่มีใครอยากเปิดอ่าน

 

3. ความเสียหายทางจิตใจและวัฒนธรรมองค์กร

กระบวนการที่เหมือน "วันพิพากษา" มักสร้างบรรยากาศของความกลัวและความกังวล พนักงานใช้เวลาและพลังงานไปกับการเตรียมตัวป้องกัน มากกว่าการมุ่งมั่นทำงาน ซึ่งสวนทางกับ วัฒนธรรมองค์กร ของ ทีม F1 ที่เน้นความโปร่งใส ความไว้วางใจ และการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหา การให้ Feedback พนักงาน ในบรรยากาศเช่นนี้จึงไม่ได้ผล และเป็นพิษต่อ วัฒนธรรมองค์กร อย่างร้ายแรง มันบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง และลดทอน Performance พนักงาน ในระยะยาว

 

4. ภาระงานที่ไม่มีใครต้องการ (Administrative Nightmare)

ฟอร์มที่ซับซ้อนและกระบวนการที่ยุ่งยากทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นภาระ นี่ไม่ใช่ วัฒนธรรมองค์กร ที่ส่งเสริมประสิทธิภาพแบบที่ ทีม F1 ต้องมีในทุกวินาที มันทำให้การบริหารผลงานกลายเป็นเพียงพิธีกรรมที่ต้องทำให้เสร็จๆ ไป แทนที่จะเป็นเครื่องมือพัฒนา Performance พนักงาน ที่ทรงพลัง กระบวนการเหล่านี้ไม่เอื้อให้เกิด Feedback พนักงาน ที่สม่ำเสมอ และไม่มีทางสร้าง ทีม F1 ที่แข็งแกร่งซึ่งจำเป็นต่อการยกระดับ Performance พนักงาน ได้เลย

 

 


Brad Pitt's F1 Movie Premiere Tickets: Rev Up for Early Release Madness! -  M Sports

 

ยินดีต้อนรับสู่ Pit Lane: องค์ประกอบหลักของ "Pit Stop HR"

"Pit Stop HR" คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทั้งหมด มันคือการผสานการบริหารผลงานให้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานประจำวัน โดยใช้ Feedback พนักงาน เป็นเครื่องมือหลัก และฝังมันลงไปใน วัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้การปรับปรุง Performance พนักงาน เกิดขึ้นได้ทุกวันเหมือนที่ ทีม F1 ทำ

1. ข้อมูลเทเลเมทรี (Telemetry Data) = การใช้ Data-Driven Feedback

หัวใจของ ทีม F1 ที่ทันสมัยคือข้อมูลเทเลเมทรีกว่า 1,000 จุดที่ส่งจากรถแบบเรียลไทม์ ในโลก HR ก็เช่นกัน เราต้องเปลี่ยนจากการใช้ความรู้สึกมาใช้ข้อมูล

  • ข้อมูลคืออะไร?: คือผลลัพธ์จาก Pulse Surveys, ข้อมูลการทำโปรเจกต์สำเร็จ (เช่น เวลาที่ใช้, งบประมาณ, ผลลัพธ์), คำชมจากลูกค้า, หรือ Feedback พนักงาน ที่ถูกบันทึกในระบบ ไม่ว่าจะเป็น Peer-to-Peer หรือ Manager-to-Employee

 

  • นำไปใช้อย่างไร?: ผู้จัดการสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อเริ่มต้นบทสนทนาที่สร้างสรรค์ "จากข้อมูล Pulse Survey ล่าสุด พี่เห็นว่าทีมเรารู้สึกว่า Workload ค่อนข้างหนัก เรามาคุยกันได้ไหมว่ามีตรงไหนที่เราจะปรับปรุงกระบวนการได้บ้าง" สิ่งนี้ช่วยให้การให้ Feedback พนักงาน มีน้ำหนัก และช่วยปรับปรุง Performance พนักงาน ได้ตรงจุด

 

2. การสื่อสารทางวิทยุ (Radio Communication) = การ Check-in และ 1-on-1 ที่สม่ำเสมอ

การสื่อสารระหว่างนักขับและ Race Engineer เป็นไปอย่างต่อเนื่อง การ Check-in รายสัปดาห์หรือการทำ 1-on-1 Meeting คือ "ช่องวิทยุ" ขององค์กรคุณ

  • วาระการประชุมที่มีประสิทธิภาพ: ไม่ใช่แค่การตามงาน แต่คือการพูดคุยถึง 3 เรื่องหลักคือ:
    1. ย้อนอดีต (Past): ความสำเร็จและอุปสรรคในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอะไรที่เรียนรู้บ้าง?
    2. ปัจจุบัน (Present): ตอนนี้มีอะไรติดขัดหรือไม่ ต้องการความช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษ?
    3. อนาคต (Future): เป้าหมายในสัปดาห์หน้าคืออะไร มีแผนการพัฒนาตนเองอย่างไร?

 

  • เป้าหมาย: เพื่อสร้างความไว้วางใจ, ให้ Feedback พนักงาน อย่างทันท่วงที, และปรับจูน Performance พนักงานก่อนที่ปัญหาเล็กๆ จะลุกลาม นี่คือหัวใจของ วัฒนธรรมองค์กร แบบ ทีม F1 ที่เน้นการสื่อสารที่เปิดเผย

 

3. กลยุทธ์การแข่งขัน (Race Strategy) = การตั้งเป้าหมายที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกัน (Agile Goals & OKRs)

ทีม F1 ไม่ได้มีแค่แผน A แต่มีแผน B, C, D พร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ การตั้งเป้าหมายประจำปีที่ตายตัวจึงใช้ไม่ได้อีกต่อไป

  • ใช้ OKRs (Objectives and Key Results): ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและวัดผลได้ในระดับไตรมาส ทำให้ทีมปรับทิศทางได้เร็วตามสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง

 

  • เชื่อมโยงเป้าหมาย (Goal Alignment): เป้าหมายของพนักงานแต่ละคนควรเชื่อมโยงกับเป้าหมายของทีมและองค์กร ทำให้ทุกคนเห็นว่า Performance พนักงาน ของตนเองส่งผลต่อชัยชนะของ ทีม F1 ทั้งหมดได้อย่างไร

 

  • ทบทวนสม่ำเสมอ: ใช้เซสชั่น 1-on-1 เพื่อทบทวนความคืบหน้าของเป้าหมายและให้ Feedback พนักงาน เพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ

     

4. การพัฒนาแอโรไดนามิกส์ (Aerodynamic Development) = การพัฒนาและเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง 

ทีม F1 ที่เก่งที่สุดคือทีมที่พัฒนารถได้เร็วที่สุดตลอดทั้งฤดูกาล วัฒนธรรมองค์กร ของคุณก็ต้องเป็นเช่นนั้น

  • สร้างแผนพัฒนาส่วนบุคคล (IDP): จาก Feedback พนักงาน ที่ได้รับ นำมาสร้างแผนการพัฒนาที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Upskilling) หรือปรับทักษะเดิม (Reskilling)

 

  • ส่งเสริม Micro-learning: การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องอบรมเสมอไป การเรียนรู้ผ่านบทความสั้นๆ, วิดีโอ, หรือ Podcast ระหว่างวันก็ช่วยยกระดับ Performance พนักงาน ได้

 

  • วัฒนธรรมแห่งการทดลอง (Experimentation Culture): สร้าง วัฒนธรรมองค์กร ที่พนักงานไม่กลัวที่จะลองผิดลองถูก เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของการพัฒนา เหมือนที่ ทีม F1 ต้องทดลองชิ้นส่วนใหม่ๆในสนามซ้อม

 


 

พิมพ์เขียวการสร้างทีม F1 ของคุณ: แผนปฏิบัติการ 4 เฟส

How Data Analysis Transforms F1 Race Performance | Catapult
 

การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องการแผนการที่เป็นระบบ นี่คือแผน 4 เฟสที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้

เฟสที่ 1: การวางพิมพ์เขียวและสร้างพันธมิตร (The Blueprint & Alliance Building)

  • Securing Leadership Buy-in: ไม่ใช่แค่การอนุมัติ แต่คือการทำให้ผู้บริหารเป็น "แชมป์เปี้ยน" ของโครงการนี้อย่างแท้จริง HR ต้องนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนถึงผลกระทบเชิงลบของระบบเก่าที่มีต่อ Performance พนักงาน และ วัฒนธรรมองค์กร พร้อมทั้งฉายภาพให้เห็นถึงผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จะได้จากการเป็นองค์กรแบบ ทีม F1

 

  • จัดตั้งคณะทำงาน (Cross-functional Task Force): ดึงตัวแทนจากแผนกต่างๆ ทั้งผู้จัดการและพนักงาน เข้ามาร่วมออกแบบกระบวนการใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบที่สร้างขึ้นนั้นตอบโจทย์การทำงานจริงและได้รับการยอมรับ

 

  • กำหนดกรอบการทำงานฉบับร่าง: ออกแบบกระบวนการ Pit Stop HR ขององค์กรคุณ ความถี่ของการ Check-in, เครื่องมือที่จะใช้, และนิยามของ Performance พนักงาน ที่ยอดเยี่ยม

     

  • สร้างแผนการสื่อสารเชิงกลยุทธ์: วางแผนว่าจะสื่อสาร "ทำไม" "อะไร" และ "อย่างไร" เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อสร้าง วัฒนธรรมองค์กร ที่ทุกคนพร้อมเดินไปข้างหน้า

     

เฟสที่ 2: การทดสอบระบบในสนามซ้อม (The Shakedown & Pilot Program)

  • เลือกทีมนำร่อง (Pilot Group): เริ่มต้นกับแผนกหรือทีมเล็กๆ (2-3 ทีม) ที่มีทั้งทีมที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง และทีมที่อาจจะต่อต้านเล็กน้อย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลายและสมจริง

     

  • ฝึกอบรมทีมนำร่องอย่างเข้มข้น: จัด Workshop ที่เน้นการปฏิบัติจริง (Role Play) ในการให้ Feedback พนักงานและการโค้ชชิ่งให้กับผู้จัดการและพนักงานในกลุ่มนี้

     

  • ดำเนินการและเก็บข้อมูล: ให้ทีมนำร่องใช้ระบบใหม่เป็นเวลา 1 ไตรมาสเต็ม ในระหว่างนั้น HR ต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและรวบรวม Feedback พนักงาน เกี่ยวกับ "กระบวนการใหม่" ผ่านแบบสอบถามและ Focus Group

     

  • วิเคราะห์และปรับปรุงพิมพ์เขียว: นำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงพิมพ์เขียวให้สมบูรณ์แบบก่อนนำไปใช้ทั่วทั้งองค์กร การทำเช่นนี้เหมือนที่ ทีม F1 ทดสอบรถในสนามซ้อมก่อนลงแข่งจริง

     

เฟสที่ 3: เปิดตัวเต็มกริดสู่การแข่งขันจริง (Full Grid Launch)

  • การสื่อสารครั้งใหญ่ (The Big Bang Communication): เปิดตัวโปรแกรม Pit Stop HR อย่างเป็นทางการทั่วทั้งองค์กร โดยมี CEO เป็นผู้นำในการสื่อสารผ่าน Town Hall Meeting เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของโครงการนี้ต่ออนาคตของบริษัท

     

  • ฝึกอบรมทั่วทั้งองค์กร: จัดอบรมทักษะที่จำเป็นให้กับพนักงานทุกคน โดยอาจแบ่งเนื้อหาตามบทบาท (ผู้จัดการ, พนักงาน) เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนเข้าใจและสามารถใช้ระบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับ Performance พนักงาน ในภาพรวม

     

  • เปิดตัวเครื่องมือและแหล่งข้อมูล: จัดเตรียมคู่มือ, วิดีโอสอน, และช่องทางถาม-ตอบ (เช่น Slack Channel, Office Hours) เพื่อสนับสนุนพนักงานในช่วงเริ่มต้น

     

  • HR เป็นพี่เลี้ยงและผู้สังเกตการณ์: ในช่วง 3-6 เดือนแรก HR ต้องทำหน้าที่เป็นโค้ชและที่ปรึกษาให้กับผู้จัดการอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนแปลงนี้ราบรื่น

     

เฟสที่ 4: การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง (Continuous Development)

  • วัดผลและทบทวน: ใช้ Pulse Survey และรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินผลของระบบใหม่อย่างสม่ำเสมอ Performance พนักงาน ดีขึ้นจริงหรือไม่? พนักงานมีความสุขขึ้นไหม?

     

  • สร้าง Community of Practice (CoP): จัดตั้งกลุ่มให้ผู้จัดการได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคนิคและประสบการณ์การให้ Feedback พนักงาน และการโค้ชชิ่ง เพื่อสร้างเครือข่ายแห่งการเรียนรู้

     

  • เชิดชูเกียรติ (Recognize & Reward): ยกย่องผู้จัดการและทีมที่สามารถนำระบบใหม่ไปใช้และสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น

     

  • ปรับปรุงเสมอ: โลกเปลี่ยนไปเสมอ ระบบบริหารผลงานก็เช่นกัน ต้องพร้อมปรับปรุงกระบวนการให้ดีขึ้นอยู่เสมอ เหมือนที่ ทีม F1 ไม่มีวันหยุดพัฒนา

 


 

Advanced Engineering: เจาะลึกศิลปะและศาสตร์ของการให้ Feedback 

ศาสตร์แห่งการให้ Feedback: โมเดลที่นำไปใช้ได้จริง
นอกเหนือจาก SBI แล้ว ยังมีโมเดลอื่นๆ ที่ช่วยให้ Feedback พนักงาน มีโครงสร้างและทรงพลังยิ่งขึ้น:

  • STAR Model: เหมาะสำหรับการสัมภาษณ์และให้ Feedback เชิงพฤติกรรม
    • Situation: สถานการณ์ที่คุณเจอคืออะไร?
    • Task: หน้าที่หรือเป้าหมายของคุณในสถานการณ์นั้นคืออะไร?
    • Action: คุณได้ทำอะไรลงไปบ้าง?
    • Result: ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคืออะไร?
  •  
  • EEC Model: เหมาะสำหรับ Feedback เพื่อการแก้ไขและพัฒนา
    • Example: ยกตัวอย่างที่เจาะจงของพฤติกรรมนั้น
    • Effect: อธิบายผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมนั้น
    • Change/Continue: แนะนำสิ่งที่ควรจะเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งที่ควรทำต่อไป

 

ศิลปะแห่งการให้ Feedback: สร้างความไว้วางใจ

  • ขออนุญาตก่อน: "พอจะมีเวลาสัก 5 นาทีไหม พี่อยากจะให้ Feedback เกี่ยวกับโปรเจกต์เมื่อเช้า" การทำเช่นนี้เป็นการให้เกียรติและเตรียมความพร้อมให้ผู้รับ
  • เน้นที่พฤติกรรม ไม่ใช่ตัวตน: อย่าพูดว่า "คุณเป็นคนขี้เกียจ" แต่ให้พูดว่า "พี่สังเกตว่ารายงาน 2 ครั้งล่าสุดถูกส่งช้ากว่ากำหนด"
  • ทำแบบส่วนตัว: ควรให้ Feedback เชิงแก้ไขแบบส่วนตัวเสมอ ส่วนคำชมสามารถทำในที่สาธารณะได้เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี
  • สมดุลระหว่างบวกและลบ: ไม่มีใครอยากได้ยินแต่เรื่องแย่ๆ การสร้าง วัฒนธรรมองค์กร ที่ดีคือการทำให้ Feedback พนักงาน เป็นเรื่องปกติ โดยมีการชื่นชมในสิ่งที่ทำได้ดีควบคู่ไปกับการแนะนำเพื่อการพัฒนา
  • ฟังอีกฝ่าย: การให้ Feedback คือบทสนทนาสองทาง เปิดโอกาสให้ผู้รับได้อธิบายมุมมองของเขาด้วย

 


 

 

การเอาชนะโค้งอันตราย: รับมือความท้าทายในการเปลี่ยนแปลง

F1. Red Bull nie chciał być złoczyńcą

 

  • ความท้าทายที่ 1: "เราไม่มีเวลาให้ Feedback บ่อยขนาดนั้น"
    • วิธีแก้: เปลี่ยนมุมมองว่ามันไม่ใช่ "งานเพิ่ม" แต่เป็น "วิธีทำงานที่ดีกว่า" การให้ Feedback พนักงาน สั้นๆ 5 นาทีหลังจบงาน มีประสิทธิภาพกว่าการประชุมประเมินผล 2 ชั่วโมงในอีก 6 เดือนข้างหน้า มันคือการลงทุนที่ช่วยประหยัดเวลาแก้ปัญหาใหญ่ในอนาคต ซึ่งเป็นหลักการทำงานของ ทีม F1 ที่เน้นประสิทธิภาพ

 

  • ความท้าทายที่ 2: "ผู้จัดการของเราไม่ใช่โค้ชที่ดี"
    • วิธีแก้: นี่คือโอกาสในการพัฒนาผู้นำ! จัดโปรแกรมฝึกอบรมการโค้ชชิ่งที่เน้นการปฏิบัติจริง เช่น การใช้ GROW Model (Goal, Reality, Options, Will) สอนให้พวกเขารู้จักถามคำถามปลายเปิดและฟังอย่างตั้งใจ การลงทุนนี้จะยกระดับ Performance พนักงาน และสร้าง วัฒนธรรมองค์กร ที่แข็งแกร่ง

 

  • ความท้าทายที่ 3: "แล้วเราจะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับเงินเดือนและโบนัสได้อย่างไร?"
    • วิธีแก้: แยกบทสนทนาเรื่องการพัฒนาออกจากเรื่องเงินเดือนอย่างชัดเจน การ Check-in บ่อยๆ คือเพื่อการเติบโต แต่ข้อมูลที่รวบรวมตลอดทั้งปี (เช่น การบรรลุเป้าหมาย OKRs, Feedback พนักงาน รอบด้านแบบ 360 องศา) จะกลายเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพและยุติธรรมกว่ามากในการใช้ประกอบการตัดสินใจเรื่องค่าตอบแทนในช่วงปลายปี ทำให้การตัดสินใจโปร่งใสและเชื่อมโยงกับ Performance พนักงาน อย่างแท้จริง

 


 

ในเร็วๆ นี้ ผู้คนทั่วโลกจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับเรื่องราวของ ทีม F1 บนจอภาพยนตร์ พวกเขาจะได้เห็นภาพของความสำเร็จ, ความล้มเหลว, และการทำงานเป็นทีมภายใต้แรงกดดันมหาศาล แต่สำหรับผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้าน HR ทุกท่าน...คุณไม่ใช่แค่ผู้ชม คุณคือผู้กำกับและผู้เขียนบทเรื่องราวแห่งความสำเร็จในชีวิตจริงขององค์กรคุณเอง

การยึดติดกับการประเมินผลประจำปีในโลกธุรกิจที่หมุนเร็ว ก็เหมือนการพยายามขับรถ F1 ให้ชนะโดยไม่ยอมเข้าพิต มันเป็นไปไม่ได้และคุณจะถูกคู่แข่งแซงไปในที่สุด การนำแนวคิด "Pit Stop HR" มาใช้ คือการยอมรับความจริงที่ว่า Performance พนักงาน ที่ยอดเยี่ยมนั้นเกิดจาก Feedback พนักงาน ที่รวดเร็ว ตรงจุด และต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องถูกขับเคลื่อนด้วย วัฒนธรรมองค์กร แบบ ทีม F1

การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนกระบวนการ HR แต่มันคือการปฏิวัติ วัฒนธรรมองค์กร ทั้งหมด คือการสร้างองค์กรที่ทุกคนเป็นเจ้าของผลงานของตัวเอง ทุกคนพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนา และทุกคนทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือการเป็น ทีม F1 ที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมของคุณ องค์กรของคุณพร้อมที่จะสร้างตำนานบทใหม่แล้วหรือยัง?

close
Join WorkVenture for the newest job offers and company reviews